วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
สรุป เทคโนโลยี Mobile WiMAX ของซิสโก้
วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
สรุปเรื่อง แวลลูฯ เตรียมวางตลาดสวิตช์อัจฉริยะไรสายรุ่นใหม่จากดีลิงค์
บริษัทฮาร์ดแวร์โซน(ประเทศไทย)จำกัด.//”แวลลูฯเตรียมวางตลาดสวิตซ์อัจฉริยะไร้สายรุ่นใหม่จากดีลิงค์,”//HWM(Thailand).MARCH 2009(2009):25.
วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
Linux กับ MS-DOS
วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
สรุป ความสำคัญของการพิมพ์ บรรณานุกรม
ความสำคัญของการรวบรวมบรรณานุกรม
1.เพื่อแสดงว่า รายงานนั้นเป็นรายงานที่มีเหตุผลและมีสาระไม่ใช่ผู้เรียบเรียงคิดขึ้นมา ตามความพอใจและความเข้าใจ
2.เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สนใจศึกษารายละเอียด ข้อเท็จจริงของสิ่งพิมพ์ และ ที่ผู้เรียบเรียงและผู้แปลนำมาประกอบเป็นหลักฐานเพิ่มเติมได้อีก
3.เพื่อเป็นแหล่งตรวจสอบหลักฐานดั้งเดิมของข้อเท็จจริงที่ผู้เขียนนำมาเป็นข้อเขียนในรายงานนั้นๆ ได้
รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมประเภทต่างๆ
1.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากหนังสือ มีรูปแบบดังนี้
ชื่อผู้แต่ง.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/: /สำนักพิมพ์, /ปีที่พิมพ์.
1.1 หนังสือที่มีผู้แต่งสองคน จะมีรูปแบบการเขียนดังนี้
ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
1.2 หนังสือที่มีผู้แต่งสามคน จะมีรูปแบบการเขียนดังนี้
ชื่อ-สกุล,ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
1.3 หนังสือที่มีผู้แต่งมากกว่าสามคน จะมีรูปแบบการเขียนดังนี้
ชื่อ-สกุล/และคณะ.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
1.4 หนังสือที่ผู้แต่งใช้นามแฝงหรือชื่อย่อ จะมีรูปแบบการเขียนดังนี้
ชื่อ/(นามแฝง). //ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
1.5 หนังสือที่ผู้แต่งเป็นสถาบันหรือสิ่งพิมพ์ที่ออกในนามหน่วยงานราชการ รูปแบบการเขียนดังนี้ ชื่อสถาบัน-หน่วยงาน.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
1.6 หนังสือที่มีบรรณาธิการ
ชื่อ-สกุล,บรรณาธิการ. //ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
1.7 หนังสือแปล จะมีรูปแบบการเขียนดังนี้
ชื่อ-สกุล.//ชื่อเรื่อง,/แปลจาก//ชื่อเรื่อง//โดย/ชื่อ-สกุล.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
ชื่อ-สกุล,/ผู้แปล.//ชื่อเรื่อง,แปลจาก//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
1.8 หนังสือที่ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
1.9 ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์หรือการศึกษาอิสระ
ชื่อ-สกุล.//ชื่อเรื่อง.//วิทยานิพนธ์/หลักสูตรและการสอน/จังหวัดที่สถานศึกษาสังกัด/:/ชื่อสถานศึกษา,/ปีที่พิมพ์.
1.10 สิ่งพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นการรวบรวมบทความ
ชื่อผู้เขียน.//“ชื่อบทความหรือชื่อตอน,”/ใน/ชื่อเรื่อง,//ชื่อบรรณาธิการหรือชื่อผู้รวบรวม(ถ้ามี).//
หน้าที่ตีพิมพ์บทความหรือตอนนั้น.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
ถ้าไม่มีชื่อผู้เขียนให้ลงรายการแรกด้วยชื่อบทความหรือชื่อตอน
1.11 เอกสารที่ไม่เป็นเล่ม
ชื่อหน่วยงานที่ออกเอกสาร.//ชื่อเรื่อง./(ชนิดของเอกสาร).//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
ชนิดของเอกสารก็เช่น แผ่นพับ เป็นต้น
คำสั่ง ประกาศ ของหน่วยงานต่างๆ
ชื่อหน่วยงาน.//คำสั่งที่/ตัวเลข/ตัวเลข./เรื่อง/ชื่อเรื่อง.//วันที่/เดือน/ปีที่พิมพ์.
ชื่อหน่วยงาน.//ประกาศหน่วยงาน/เรื่อง/ชื่อเรื่อง./วันที่/เดือน/ปีที่พิมพ์.
2.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมบทความจากวารสาร
ชื่อ-สกุลผู้เขียนบทความ.//“ชื่อบทความ,”//ชื่อวารสาร.//ปีที่,ฉบันที่(ปีที่พิมพ์)/:/เลขหน้า.
ในกรณีที่บทความไม่จบในฉบับ ให้ใส่เครื่องหมายอัฒภาคแล้วใส่ปีที่ ฉบับที่ ของวารสารฉบับต่อๆ ไป
พร้อมเลขหน้า
3.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมบทความ ข่าวหรือคอลัมน์จากหนังสือพิมพ์
ชื่อผู้เขียน.//“ชื่อบทความหรือหัวข้อในคอลัมน์,”//ชื่อหนังสือพิมพ์.//วันที่/เดือน/ปี/:/เลขหน้า.
4.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากการสัมภาษณ์
ผู้ให้สัมภาษณ์.//ตำแหน่ง (ถ้ามี).//สัมภาษณ์, วันเดือนปี.
5.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากรายการวิทยุหรือโทรทัศน์
ชื่อผู้บรรยาย.//ชื่อรายการ.//สถานี//วันเดือนปี.//เวลาที่ออกอากาศ.
6.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมของวัสดุสื่อโสตทัศน์ประเภทภาพยนตร์ ภาพเลื่อน ภาพนิ่ง แผนที่และวีดีทัศน์
ชื่อเรื่อง.//(ชนิดของวัสดุ).//สถานที่ผลิต/:/ผู้ผลิต,/ปี่ที่ผลิต.
7.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากวัสดุสื่อโสตทัศน์ประเภทแถบบันทึกเสียง แผ่นเสียงและแผ่นซีดี
ชื่อผู้บรรยายหรือผู้พูดหรือผู้ขับร้อง (ถ้ามี).//ชื่อของวัสดุ.//(ประเภทของวัสดุ).//สถานที่ผลิต/:/ผู้ผลิต,/ปีที่ผลิต.
8.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากแหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ข้อมูลจากหนังสือหรือที่เป็นเนื้อหา
ชื่อ-สกุลผู้แต่ง.//ชื่อเรื่อง.//(ประเภทของสื่อที่เข้าถึง).//แหล่งที่มาหรือ Available/:/ชื่อของแหล่งที่มา/
ชื่อแหล่งย่อย.//ปีที่สืบค้น.
ข้อมูลที่เป็นบทความจากหนังสือหรือวารสาร
ผู้แต่ง.//“ชื่อบทความ,”//(ประเภทของสื่อที่เข้าถึง).//ปีที่,ฉบับที่ (ปี พ.ศ.)/:/หน้า.//แหล่งทที่มาหรือ Available/:/
ชื่อของแหล่งที่มา/ชื่อแหล่งย่อย.//ปีที่สืบค้น.
หมายเหตุ
/ หมายถึง ให้เคาะห่าง 1 เคาะ
// หมายถึง ให้เคาะห่าง 2 เคาะ
การอ้างอิง การอ้างอิงมีหลายรูปแบบในที่นี้จะอธิบายเฉพาะการอ้างอิงระบบนามปีรูปแบบการอ้างอิงที่แทรกในเนื้อหา
1.ผู้แต่งคนเดียว ถ้าเป็นชาวต่างประเทศให้ลงเฉพาะชื่อสกุลเท่านั้น
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
2.ผู้แต่งสองคน
(ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
3.ผู้แต่งสามคน
(ชื่อ-สกุล,/ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
4.ผู้แต่งมากกว่า 3 คน
(ชื่อ-สกุล/และคณะ.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
(ชื่อ-สกุล/และคนอื่นๆ.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
5.ผู้แต่งที่มีฐานันดรศักดิ์
(ฐานันดรศักดิ์ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
6.ผู้แต่งที่มียศตำแหน่ง
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
7.ผู้แต่งที่ใช้นามแฝง
(ชื่อ-สกุล,/นามแฝง.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
8.ผู้แต่งที่เป็นสถาบันหรือหน่วยงาน
(ชื่อหน่วยงาน.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
9.ชื่อผู้แต่งที่เป็นสถาบันที่มีชื่อยาว
ชื่อหน่วยงาน(ตัวย่อของหน่วยงาน)(ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
สำนักงาน ตัวย่อของหน่วยงาน (ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
10.ผู้รวบรวมหรือบรรณาธิการ ผู้แต่งไม่ปรากฏชื่อมีแต่ชื่อผู้รวบรวมหรือบรรณาธิการ
(ชื่อ-สกุล, บรรณาธิการ.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
11.ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
(ชื่อเรื่องหรือบทความ.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
12.หนังสือแปล
หนังสือแปลระบุชื่อผู้แต่งที่เป็นเจ้าของเรื่อง ให้ลงชื่อผู้แต่ง สะดกเป็นภาษาไทย
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
หนังสือแปลไม่ระบุชื่อผู้แต่งที่เป็นเจ้าของเรื่อง
(ชื่อ-สกุล, ผู้แปล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
13.เนื้อเรื่องที่อ้างอิงต้นฉบับเดิมเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อกล่าวถึงผู้แต่งในตัวเนื้อเรื่องให้ลงชื่อสกุลของผู้แต่งนั้นด้วยภาษาอังกฤษแล้วตามด้วย (ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
14.ผู้แต่งคนเดียวเขียนเอกสารหลายเล่ม
ผู้แต่งคนเดียวเขียนเอกสารหลายเล่ม
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า,/ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
ผู้แต่งคนเดียวเขียนเอกสารหลายเล่ม บางเล่มปีที่พิมพ์ซ้ำกัน
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/ข/:/เลขหน้า)
15. ผู้แต่งหลายคน เอกสารหลายเรื่องต้องการอ้างถึงพร้อมๆ กัน
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า;/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า;/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
16. การอ้างอิงงานของผู้แต่งชาวต่างประเทศที่มีนามสกุลเหมือนกัน ในกรณีที่ชื่อต้นและชื่อกลางของผู้แต่งมีนามสกุลเดียวกัน
(ชื่อ,ชื่อ/and/ชื่อ,/สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
17.วัสดุที่ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์
(ชื่อ-สกุล.//ม.ป.ป./:/เลขหน้า) (ม.ป.ป.) ย่อมาจาก ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์ หรือไม่มีปีที่พิมพิ์ปรากฏอยู่ที่หนังสือ
18.การอ้างอิงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือที่ไม่ใช่เนื้อหา
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/คำแสดงส่วนของหนังสือ)
19.การอ้างอิงจากแหล่งรอง
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า;/อ้างอิงจาก/ชื่อ-สกุล//ชื่อเรื่อง.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
20.การอ้างอิงจากการสัมภาษณ์
(ชื่อ-สกุล.//สัมภาษณ์.//ปีที่พิมพ์)
21.การอ้างอิงวัสดุประเภทสื่อโสตทัศน์
(ชื่อ-สกุล.//ประเภทวัสดุ.//ปีที่พิมพ์)
(ชื่อหน่วยงาน.//ประเภทวัสดุ.//ปีที่พิมพ์)
22.การอ้างอิงข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
(ชื่อ-สกุล.//http://ที่อยู่เว็บไซต์.//ปีที่พิมพ์)
23.การอ้างอิงข้อมูลในเนื้อหา
ชื่อ-สกุล (ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า).....เนื้อหา..... เรียกว่า อ้างหน้า
.....เนื้อหา(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า) เรียกว่า อ้างหลัง
ตัวอย่างการเขียนบรรณานุกรม
1.1 การสื่อสาร คือ เป็นการถ่ายโอนข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านตัวกลางส่งผ่านข้อมูลโดยตัวกลางที่นำข้อมูลไปนั้นอาจเป็นได้ทั้งตัวกลางชนิดมีสาย และชนิดไม่มีสายก็ได้(โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์. 2548:17)
1.2 การสื่อสารข้อมูล หมายถึง คือการส่งข้อมูลข่าวสารจากจุดๆ หนึ่ง ซึ่งเรียกว่า จุดเริ่มหรือจุดส่งสัญญาณไปยังจุดปลายหรือจุดรับข่าวสาร โดยอาศัยตัวกลางหรือพาหะนำสัญญาณ(วิทยา บุญสุข.2546:23)
1.3 การสื่อสารข้อมูล คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ส่งไปยังผู้รับโดยอาศัยวิธีการส่งข้อมูลรูปแบบต่างๆ กัน การสื่อสารระหว่างบุคคลจะใช้การพูดหรือการเขียนเป็นสำคัญ สำหรับกรสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์จะเป็นการส่งแฟ้มข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ต้นทางไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทาง(เดชานุชิต กตัญญูทวีทิพย์.2546:1 )
สรุป การสารข้อมูล หมายถึง คือการส่งข้อมูลจากเครื่องเริ่มต้นไปยังเครื่องปลายทางโดยใช้สื่อตัวกลางในการรับส่งข้อมูล
ข้อ 2.
2.1 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือการนำเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องมาเชื่อมต่อกันเพื่อแลกเปลียนข่าวสารถ่ายโอนข้อมูลซึ่งกันและกันตลอดจนให้ใช้ทรัพยากรร่วมกันได(วิทยา บุญสุข,)
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือเป็นระบบการสื่อสารข้อมูลที่ถูกออกแบบให้มีการใช้ทรัพยากรเครือข่ายร่วมกัน โดยผู้ใช้หลายๆ คนสามารถใช้ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ร่วมกันได้ (เดชานุชิต กตัญญูทวีทิพย์,)
2.3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ PC เครื่อง เซิร์ฟเวอร์ เครื่องพิมพ์ หรืออุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ต่างๆ มาต่อเข้าด้วยกันเพื่อวัตถุประสงค์หลายๆ อย่าง เช่น การเชื่อมโยงข้อมูล(ธวัชัย ชมศิริ.2549:1)
สรุป เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือการเชื่อมต่อระหว่าเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครื่องอุปกรณ์หลายๆเครื่องรวมกันเพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกันได้
ข้อ3.
3.1 องค์ประกอบของการสื่อสาร มี 3 ประการ ดังนี้
3.1.1 ข้อมูลจะต้องถึงปลายทางที่ถูกต้อง 3.1.2 ข้อมูลจะต้องถูกต้อง 3.1.3 ข้อมูลต้องถึงในเวลาที่กำหนด(สุรชาติ พงศ์สุธนะ,)
3.2 องค์ประกอบของการสื่อสาร มี 5 ประการ ดังนี้
1. ข้อมูลข่าวสาร 2. ผู้ส่งข้อมูล 3. ผู้รับข้อมูล 4. ตัวกลางในการส่งข้อมูล 5. โปรโตคอล (โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์.2548:24)
3.3 องค์ประกอบของการสื่อสาร มี 5 ประการ ดังนี้
1. ข้อมูล 2. ผู้ส่ง 3. ผู้รับ 4. สื่อ 5. โปรโตคอล (เดชานุชิต กัตัญญูทวีทิพย์.2550:14)
สรุป องค์ประกอบของการสื่อสาร จะต้องประกอบด้วย ข้อมูลที่จะส่งออกไป ผู้ส่งข้อมูล ผู้รับข้อมูล สื่อกลางที่จะใช้ในการส่งข้อมูล และโปรโตคอล จึงจะติดต่อสื่อสารกันได้
ข้อ4.
4.1 โปรโตคอล คือ กฎเกณฑ์ ระเบียบ หรือข้อปฏิบัติต่างๆ ที่กำหนดขึ้นมา เพื่อเป็นข้อตกลงที่ใช้สำหรับเป็นมาตรฐานในการกำหนดบทบาทหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูลให้ถูกต้องตรงกัน บทบาทสำคัญของโปรโตคอลก็เพื่อให้อุปกรณ์ทั้งสองฝั่งสามารถสื่อสารและเข้าใจตรงกัน เพื่อให้ผลของการสื่อสารระหว่างกันเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง (โอภาส เอี่ยมริริวงศ์,)
4.2 โปรโตคอล คือ ข้อตกลงหรือกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นสำหรับการสื่อสารเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารหรือรับส่งข้อมูลกันได้อย่างถูกต้องและไม่ผิดพลาด ไม่ว่าจะอยู่ในเครือข่ายเดียวกันหรือข้ามเครือข่าย (พิศาล พิทยาธรวิวัฒน์.2551:33)
4.3 โปรโตคอล คือ ภาษากลางในการสื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์สองเครื่อง (ธวัชชัย ชมศิริ.2549:18)
สรุป โปรโตคอล คือกฎเกณฑ์ที่ใช้เป็นมาตรฐานในการสื่อสารเพื่อให้คอมพิวเตอร์สองเครื่องได้เข้าใจตรงกัน
ข้อ5.
5.1 Topology หมายถึงลักษณะของการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในเครือข่ายด้วยกัน (สุรชาติ พงศ์สุธนะ.2550:17)
5.2 Topology คือ รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่าย เป็นลักษณะที่บอกถึงรูปร่างหรือโครงสร้างของระบบเครือข่าย (พิศาล พิทยาธุรวิวัฒน์.2551:17)
5.3 Topology เป็นรูปแบบการต่อของระบบเครือข่ายท้องถิ่น LAN (วิทยา บุญสุข.2546:19)
สรุป Topology : เป็นการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอินเตอร์เน็ทและเครื่องคอมพิวเตอร์ฟภายในเครือข่ายเข้าด้วยกัน
สรุปข้อ 14-30 (TCP Buffering and Sequencing-Ad-Hoc Network)
ข้อ:15.การส่งสัญญาณโดยใช้สัญญาณโทรศัพท์
ข้อ:16.การส่งข้อมูลดดยไปยัง Network สามารถเดินทางได้สองเส้นทาง แต่บางครั้งเส้นทางที่หนึ่งก็ทำให้ข้อมุลเสียหายได้
ข้อ:17.บัฟเฟ่อร์ คือ การพักข้อมุลจากคอมพิวเตอรืสองตัว ซึ่งอาจจะมีการทำงานไม่เท่ากันทำการพักข้อมุลเพื่อให้ข้อมูลของคอมพิวเตอร์ที่มีความเร้วและช้าทำงานร่วมกัน
ข้อ:18.การส่งข้อมุลจาก East Network ไปยัง West Network และส่งข้อมลกลับไปที่ East Network โดยมี Router เป็นสื่อในการส่งต่อ
ข้อ:19.การค้นหาข้อมูลจากเครือข่ายอินเตอร์เน็ต www.nst.gov เมื่อพบข้อมูล www.nst.gov จะส่งกลับมา
ข้อ:20.User1@umassd.edv ไปยัง User2@net-seal.net โดยผ่านทาง Mail Server mail.Umassd.edu แล้วส่งผ่านทาง Mail Sever mail.net-seal.net โดยใช้สื่อกลางในการส่ง คือ Router
ข้อ:21.การเชื่อมต่อของคอมพิวเตอร์จากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยไม่ต้องใช้สายส่งสัญญาณ
ข้อ:22.การส่งข้อมูลจาก West Network ไปยัง East Network โดยส่งผ่านทาง Router ชื่อ Intermediate Router Using TPv4 โดยการกำหนด TPv6
ข้อ:23.การส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่งโดยคอมพวเตอร์ที่เป็นตัวรับจะทำการปลดล็อคเพื่อที่จะให้คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งส่งข้อมูลมายังเครื่องที่รับได้
ข้อ:24.ป้องกันการ login ที่ไม่ได้รับอนุญาตที่มาจากภายนอกเครือข่าย - ปิดกั้นไม่ให้ traffic จากนอกเครือข่ายเข้ามาภายในเครือข่ายแต่ก็ยอมให้ผู้ที่อยู่ภายในเครือข่ายสามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ - เป็นจุดรวมสำหรับการรักษาความปลอดภัยและการทำ นอกจากไฟร์วอลล์จะต้องเชื่อมต่อเฉพาะเว็บไซต์ส่วนตัว ในไฟร์วอลล์มีการกำหนดกฎโดยผู้ดูแลระบบเครือข่ายของไซต์เอกชน กฎเหล่านี้ให้ไฟร์วอลล์เพื่อระบุการเข้าชมเครือข่ายที่สามารถส่งต่อและปริมาณที่ควรจะกรอง
ข้อ:25.คอมพิวเตอรืจะทำการ Buffer ข้อมูลส่งให้กับ Router จทำการ receive buffer แล้วส่งกลับมายังคอมพิวเตอร์
ข้อ:26.การ buffer ข้อมูล และจะส่งที่ละสามข้อมูลให้ Router จากนั้น Router จะทำการส่งข้อมุลกลับไปสามตัวเหมือนเดิม
ข้อ:27.การส่งข้อมูลไปยัง Router ทีละสามข้อมุลแต่ส่งกลับมาช้ามาก และมีการทำงานทั้งหมดหกเฟรม
ข้อ:28.คือการส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตัวแรกโดยทำการเช็คว่าเป็นAppication,presenttation,Session,Transport,Network,Data ling ,Physicalแล้วส่งต่อไปยัง Bthemet LAN แล้วทำการเช็ค แล้วส่งไปที่ ATM WAN แล้วทำการเช็คตัวที่สอง แล้วส่งไปทาง Ethenet LAN แล้วทำการเช็คอีกครั้ง
ข้อ:29.เมื่อส่ง Files จากเครื่องคอมพิวเตอร์สีฟ้า และ Files เครื่องคอมพิวเตอรืสีแดง ไปยัง Files; netseal.jpg index.html แล้วส่งกลับไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งสองก็จะมี Files ชื่อ netseal.jpg ต่อมาก็ส่ง Files จากเครื่องคอมพิวเตอร์สีเขียวกับสีเหลืองไปยัง Files;netseal.jpg indax.html เหมือนเดิมแล้วจะส่งกลับไปยังที่เดิมเป็น Files;netseal.jpgเหมือนเดิม
ข้อ:30.Ad-Hoc Network แตกต่างจากเครือข่ายไร้สายบริหาร Ad-Hoc Network เป็นเครือข่ายไร้สายที่ไม่ต้องการจุดเชื่อมในการจัดการการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ของ คอมพิวเตอร์แต่ละใน Ad-Hoc Network สามารถส่งข้อมูลระหว่างคู่อื่นๆคอมพิวเตอร์ (คือสามารถกระทำ เช่น เราเตอร์) คอมพิวเตอร์ที่สามารถเข้าร่วมและออกจากการ Ad-Hoc Network แบบไดนามิก ดังนั้นเส้นทางในการส่งข้อมูลจากผู้ส่งที่จะรับพิจารณาตามการเชื่อมต่อเครือข่าย ความล้มเหลวหรือออกของเครื่องคอมพิวเตอร์ตามเส้นทางดังกล่าวจะทำให้อัตโนมัติ rerouting ข้อมูล ดังนั้น Ad-Hoc Network มีภูมิคุ้มกันต่อจุดเดียวของความล้มเหลวต่างจากความล้มเหลวของจุดเชื่อมในเครือข่ายไร้สาย
สรุป TCP Multiplexing
สรุป TCP Connections
คำสั่ง DOS
ตัวอย่างที่ 1
Ping 10.20.1.118 or Ping www.google.com
2. TCP/IP: TCP ย่อมาจาก Transmission Control Protocol เป็นโพรโตคอลที่ทำงานโดยอาศัย IP ในขณะที่ IP เป็นตัวจัดการให้เครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องสามารถติดต่อสื่อสารกันไปมาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และทำหน้าที่ในการอนุญาตให้ Application แต่ละชนิด (หรือที่นิยมเรียกว่า "บริการ") ของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถติดต่อกันได้
3.คำสั่ง ipconfig เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับเรียกดูหมายเลข IP Address ของเครื่องที่ท่านใช้งานอยู่ ซึ่งถ้าหากท่านไม่ทราบว่าหมายเลข IP Address ของเครื่องที่ท่านใช้งานอยู่นั้นเป็นหมายเลขอะไรหรือมีรายละเอียดอะไรที่เกี่ยวข้องกับหมายเลข IP Address สามารถใช้คำสั่งนี้เรียกดูผ่านหน้าต่าง Command Prompt และเมื่อมีการเติม /all เข้าไปคำสั่ง ipconfig/all จึงเป็นคำสั่งที่ต้องการขอดูข้อมูลทั้งหมดของ Host Name,PrimaryDnsSuffix,Nodetype,IPRouting,WINSProxy,DNSSuffixSearchList,PhysicslAddress,Dhcp,Autoconfiguration,IPAddress,Subnet Mask,Gateway,DHCP Server,DNS Servers,Primary WINS Servers, Lease Obtained และ Lease Expires ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราทำการใช้งานอยู่ในขณะนั้น
4. คำสั่ง tracert คือคำสั่งที่ใช้ในการดูเส้นทางการเดินของข้อมูลระหว่าง hop ต่างๆ ตั้งแต่ต้นทาง ไปถึงปลายทาง สรุปคือ คำสั่ง Tracert เป็นคำสั่งที่จะช่วยให้เราสามารถดูรายละเอียดเส้นทางการเชื่อมต่อของ Router ไปยังจุดหมายปลายทาง โดยใช้คำสั่ง Tracert เพื่อประเมินว่า Router หรือการเชื่อมต่อบนเส้นทางที่ทอดสู่คอมพิวเตอร์ปลายทางนั้น เกิดปัญหาติดขัดหรือไม่
5. คำสั่งOptions:-t Ping ไปยัง Host ตามที่ระบุเรื่อยๆ จนกว่าจะสั่งยกเลิกโดยกดแป้น Ctrl-C.และหากต้องการดูสถิติให้กดแป้น Ctrl-Break-a เปลี่ยนหมายเลข IP Address ของ Host เป็นชื่อแบบตัวอักษร-n count Ping แบบระบุจำนวน echo ที่จะส่ง-l size กำหนดขนาด buffer-f ตั้งค่าไม่ให้แยก flag ใน packet.-i TTL Ping แบบกำหนด Time To Live โดยกำหนดค่าตั้งแต่ 1-255-v TOS กำหนดประเภทของบริการ (Type of service)-r count Ping แบบให้มีการบันทึกเส้นทางและนับจำนวนครั้งในการ hops จนกว่าจะถึงปลายทาง-s count Ping แบบนับเวลาในการ hop แต่ละครั้ง-j host-list Loose source route along host-list.-k host-list Strict source route along host-list.-w timeout Ping แบบกำหนดเวลารอคอยการตอบรับ
วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
สรุป IP Subnets
สรุป Routing and Forwarding
สรุป Dynamic Host Configuration Protocol (DHCP)
สรุป The Address Resolution Protocol
วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
สรุป The Address Resolution Protocol
สรุป Adding Switches
สรุป Switched Network With Server
สรุป Switched Network With No server
สรุป No Network
วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
สรุป Animation
3. Switch: ก็เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ขยายสัญญาณเหมือนกับ Hub แต่ Switch จะแตกต่างไปจาก Hub ก็คือ Switch จะมีการแยก Collision Domain ของพอร์ตเชื่อมต่อออกจากกัน Hub จะกระจายสัญญาณไปที่ทูกๆพอร์ตแต่ Switch นั้นจะเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเข้ากับพอร์ตๆหนึ่งเท่านั้น โดยที่ Switch จะทำการบันทึก Address ของเครื่องเอาไว้ในการติดต่อกันในครั้งแรก ในการกระจายสัญญาณครั้งต่อไป Switch จะรู้ทันทีว่าสัญญาณที่รับมานั้นต้องส่งไปยังพอร์ตใดๆ ซึ่งเป็นข้อเด่นของ Switch ที่ทำการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วกว่า Hub