วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

เรื่อง Power over Ethernet ทำงานอย่างไร

เรื่อง Power over Ethernet ทำงานอย่างไร
Power over Ethernet เป็นเทคโนโลยีที่ผสานรวมโครงข่ายกระแสไปฟ้า เข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน LAN มาตรฐาน โดยกล้องบนเครือข่ายโดยที่สายสัญญาณเดียวกันกับที่ใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่าย เทคโนโลยีดังกล่าวทำให้ไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊กไฟตรงจุดที่จะติดตั้งกล้องอีกต่อไปทั้งยังเพิ่มความสะดวกในการเครื่องจ่ายไฟสำรอง (UPS)
เทคโนโลยี POE อยู่ภายใต้การควบคุมตามมาตรฐาน IEEE 802.3af และได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารข้อมูลบนเครือข่ายลดลงหรือลดขอบเขตการเข้าถึงเครือข่าย
มาตรฐานดังกล่าวรองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงสุด 15.4 วัตต์ในส่วนของสวิตซ์หรือ มิดสแปน (Midspan) ซึ่งหมายความว่าจะสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่อุปกรณ์หรือกล้องได้ถึง 12.9 วัตต์จึงเหมาะสำหรับกล้องในอาคาร ส่วนกล้องภายนอกอาคาร รวมถึงกล้อง PTZ และกล้องโดม มักใช้กระแสไฟฟ้ามากกว่านี้ จังไม่เหมาะสมกับฟังก์ชั่น POE
บรรณานุกรม
Axis communication. Power over Ethernet ทำงานอย่างไร. Microcomputer. August 2009.27,289(2009):98.

เรื่อง Flink 3.5 G HSDPA USB Modem ไร้สาย 3.5 G ความเร็วสูงสุด3.5 Mbps.

เรื่อง Flink 3.5 G HSDPA USB Modem ไร้สาย 3.5 G ความเร็วสูงสุด3.5 Mbps.
Flink HSDPA USB Modem ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ให้สามารถเชื่อมต่อเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ต ผ่านทางเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่สามารถใช้งานได้ทั้งเครือข่าย GPRS,EDGE,UMTS และ HSDPA(3G)ด้วยการติดตั้งผ่านทางพอร์ต USB จึงให้ความสะดวกในการใช้งาน และความเร็วของอัตราข้อมูลที่มากเกินพอสำหรับการท่องอินเทอร์เน็ตและดาวน์โหลด ที่เหนือไปยิ่งกว่านั้นคือภายในเฟิร์มแวร์ของ Modem รุ่นนี้ยังบรรจุมาด้วยคุณสมบัติในกาติดต่อ (Contact Manager)
คุณสมบัติหลักของ Flink มีดังนี้
1.เป็น HSDPA/UMTS 2100 MHz
2. รองรับเครือข่าย Quad-band EDGE/GPRS/GSM850/900/1800/1900 MHz
3. อัตราการดาวน์โหลดสูงสุด 3.6 Mbps /อับโหลดสูงสุด 384 Kbps
4. สนับสนุนการส่ง SMS และข้อมูล Phone Book
5. ติดตั้งไดร์เวอร์อัตโนมัติ (มีไดร์เวอร์เก็บไวในตัวการ์ด)
6. ใช้งานกับพอร์ต USB 2.0
7. มีเสาอากาศอยู่ในตัว
8. ใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการยอดนิยม Windows XP/200/Vista, Mac OS X 10.4.9 หรือสูงกว่านั้น
9. มีขนาดเล็กเยง 79.7*25.5*10.6 มม.
บรรณานุกรม
Product Review. link 3.5 G HSDPA USB Modem ไร้สาย 3.5 G ความเร็วสูงสุด 3.6 Mvps. Microcomputer. September 2009.27,290(2009):38.

เรื่อง ติดตั้ง DNS-343 ระบบจัดเก็บข้อมูลผ่านเครือข่ายสำหรับสำนักงาน

เรื่อง ติดตั้ง DNS-343 ระบบจัดเก็บข้อมูลผ่านเครือข่ายสำหรับสำนักงาน
D-link DNS-343 เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลผ่านเครือข่าย LAN ซึ่งมีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 4 ตัว ช่วยให้สามารถแชร์ข้อมูลเอกสารดิจิทัลมีเดียต่างๆ เช่น ไฟล์เพลง วีดีโอ และรูปภาพ ซึ่งการที่รองรับฮาร์ดดิสก์ได้มากถึง 4 ตัวจึงทำให้สามารถรองรับการใช้งานในระดับองค์การได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งฮาร์ดดิสก์ที่เป็น SATA-l และ SATA-ll ที่มีความจุถึง 1 เทราไบต์ต่อฮาร์ดดิสก์ 1 ตัว รวมถึงยังสามารถเข้าถึงผ่านอินเทอร์เน็ตจากระบบ FTP Server ที่มีอยู่
ระบบ FTP ช่วยให้สามารถเข้าถึงไฟล์ข้อมูลจากภายนอกบริษัทผ่านทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงข้อมูลยังมีความปลอดภัยในการเข้าถึงโดยกากำหนดสิทธิตามแต่ละผู้ใช้งานหรือเป็นกลุ่มผู้ใช้งาน ซึ่งในเวลาที่ติดตั้ง DNS-343 สามารถกำหนดสิทธิโดยระบบผู้ใช้และการเข้าถึงข้อมูลตามความต้องการ ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในส่วนขององค์กรที่ข้อมูลมีความสำคัญ
DNS-343 มีพอร์ต USB ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์การใช้เครื่องพิมพ์ผ่านระบบเครือข่ายได้ด้วย
การใช้ DNS-343 กับฮาร์ดดิสก์ 4 ตัว สามารถเลือกใช้งานได้ทั้ง Raid 1/ Raid5 ซึ่งสามารถทำสำเนาข้อมูลไวในฮาร์ดดิสก์อีก 2 ตัว (I.e. duplicate data on both drives) หรือกระจายข้อมูลไปยังทุกฮาร์ดดิสก์ 3 ตัว เพื่อประสิทธิภาพและให้การป้องกันข้อมูล
ซึ่งในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์ตัวใดตัวหนึ่งเสีย ระบบก็ยังสามารถงานต่อไปได้และข้อมูลยังอยู่ครบ
บรรณานุกรม
ดีลิ้งค์ อินเตอร์เนชั่นแนล พีทีอี จำกัด.ติดตั้ง DNS-343 ระบบจัดเก็บข้อมูลผ่านเครือข่ายสำหรับสำนักงาน.Microcomputer. September 2009.27,290(2009):101-102.

วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

เรื่องอินเตอร์แมคเปิดตัว CK3 คอมพิวเตอร์พกพารุ่นแรกของโลก

อินเตอร์แมคเปิดตัว CK3 คอมพิวเตอร์พกพารุ่นแรกของโลก
CK3 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการล่าสุด Windows Mobile 6.1 สำหรับด้านโซลูชั่นด้านซัพพลายเชนเพื่อคลังสินค้าแห่งอนาคตพร้อมเทคโนโลยีภาพรุ่นล่าสุดของบริษัท อินเตอร์แมคในด้านการสแกนบาร์โค้ด ร่วมกับเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี การสื่อสารด้วยการพูและเสียงผ่านระบบสื่อสรไร้สายที่รองรับมาตรฐาน 802.11 a/b/g และบูลทูธ และได้รับการรับรองจาก Cisco? Compatible Extensions (CCX)
CK3 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีภาพรุ่นล่าสุดของบริษัทอินเตอร์แมค ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ในการสแกนได้อย่างดีเยี่ยมและเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมปัจจุบัน โดยเทคโนโลยีภาพของอินเตอร์แมคจะให้ความมั่นใจในด้านการสแกนบาร์โค้ดทั้งแบบ 1มิติ และ 2 มิติ ได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถสแกนบาร์โค้ดที่ชำรุดได้ด้วยอย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งยังมีความยืดหยุ่นอย่างมากสำหรับระยะการสแกนด้วยเทคนิคการจับภาพและสแกนโดยใช้ตัวจับภาพ (Imager) ที่ปรับปรุงใหม่ร่วมกับเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี การสื่อสารด้วยการพูดและเสียงผ่านระบบสื่อสารไร้สายที่รองรับมาตรฐาน 802.11 a/b/g และบูลทูธ

บรรณานุกรม
Showcase.อินเตอร์แมคเปิดตัว CK3 คอมพิวเตอร์พกพารุ่นแรกของโลก, Microcomputer. September 2008.26,278(2008):117.

เรื่อง IPSec คืออะไร

IPSec คืออะไร
          IPSec เป็นโปรโตคอลการทำงานบน VPN ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันคุ้มครองข้อมูลข่าวสารอยู่ชุดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงโดยสามารถป้องกันข้อมูลที่สื่อสารกันระหว่างต้นทางกับปลายทาง โดยต้นทางเป็นไคลเอนต์ Client หรือผู้ใช้งานปลายทาง เป็นเครือข่ายหรือทั้งต้นทางและปลายทางจะเป็นเครือข่ายด้วยกันก็ได้ทั้งคู่ เช่น สำนักงานสาขาที่ตั้งระบบเครือข่ายสามารถที่จะใช้ IPSec ดูและระบบการสื่อสารข้อมูลจากที่ทำงานออกไปยังเครือข่ายของสำนักงานใหญ่ เป็นต้น
          IPSec สามารถป้องกันข้อมูลข่าวสารในระดับ IP หือระดับที่สูงกว่า เช่น ระดับ Transport ที่ใช้ TCP และ UDP รวมทั้งระดับของข้อมูลข่าวสารจาก Application ต่างๆ เท่านั้น IPSec ไม่สามารถให้บริการในระดับ Data link และหากมีความจำเป็นต้องป้องกันข้อมูลข่าวสารในระดับดังกล่าวจะต้องเพิ่มเติมขีดความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูลต่างหากซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ IPSec 
หัวใจหลักในการทำงานของ IPSec ได้แก่
1.ป้องกันความลับของข้อมูลข่าวสาร (Confidentiality) 
2.มีระบบตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารเพื่อให้แน่ในว่าไม่มีการปลอมแปลงเกิดขึ้น
3.ให้บริการพิสุทธ์สิทธิระหว่างคู่สื่อสาร หรือ คู่สนทนาก่อนเริ่มรับส่งข้อมูล
4.ป้องกันการปลอมแปลงหรือทำซ้ำข้อมูล
บรรณานุกรม
วิรินทร์ เมฆประดิษฐ์สิน. IPSec คืออะไร, Microcomputer. August 2008.26, 227(2008):115-116.

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

เรื่อง ติดตั้ง IP Phone บนเครือข่าย Cisco

สถาปัตยกรรมของ IP Telephony

Cisco ได้พัฒนาเทคโนโลยีในรูปแบบการบริหารจัดการ IP Telephony ที่เรียกว่า Call Manager โดย Call Manager นี้จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถที่จะเลิกใช้ PBX และแทนที่ด้วย IP Telephony บนเครือข่ายสมัยใหม่ได้ หน้าที่หลักของ Call Manager ได้แก่การเรียกคู่สายปลายทาง รวมทั้งจัดให้มีการ้องขอให้มีการเชื่อมต่อสายซึ่งเมื่อทำงานร่วมกันกับชุดของ IP Phone หรือ Soft Phone ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นตัวหนึ่งที่ให้บริการ IP Phone ซึ่งจะได้ประสิทธิภาพการใช้งานที่เทียบเท่ากับตู้ PBX ที่มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังสามารถขยายระบบและควบคมการสื่อสารได้อย่างดีภายใต้การประยุกต์ใช้ IP Phone ของ Cisco ได้มีการจัดตั้งสถาปัตยกรรมการทำงานเพื่อรองรับ ระบบ IP Phone ของ Cisco ดังนี้

1.การเชื่อมต่อในระบบ Single site

2. การควบคุมและประมวลผลการเรียกคู่สายระหว่างกัน เช่น ระหว่างไซต์งาน (Site) ที่อยู่ห่างกันออกไป

3. การแพร่กระจายการประมวลผลและเรียกดูคู่สายแบบกระจายออกไป

4. การจับกลุ่มบนเครือข่าย WAN

บรรณานุกรม

วิรินทร์ เมฆประดิษฐ์สิน.ติดตั้ง IP Phone บนเครือข่าย Cisco, Microcomputer.November 2008.26,280(2008):59.

เรื่อง การติดตั้ง Clustering บน IP Phone

การใช้งาน IP Phone บนการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายมีจุดท้าทายอยู่ที่ทำอย่างไรจึงจะทำให้การสื่อสารระหว่างกันไม่หยุดชะงักรวมทั้งแผนงานการกู้คืนระบบใช้เวลาน้อยที่สุดที่จะทำให้ระบบกลับมาใช้งานได้ตามปกติอย่างรวดเร็ว
ภาพใต้ระบบ IP ของ Cisco เราสามารถจัดสร้างแผนงานการกู้คืนระบบที่ทำได้ง่ายโดยการติดตั้ง Call Manager แยกกระจายตามไซต์งานต่างๆ โดยหน้าที่ของ Call Manager Server ที่กระจายออกไปตามจุดต่างๆ ได้แก่ การอัพเดตข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับค่าคอนฟิก Configure ต่างๆ ภายใต้กระบวนการ Microsotf SQL Replication กระบวนการดังกล่างนี้ประสบความสำเร็จซึ่งหมายถึงว่าการคอนฟิกผ่าน Microsoft SQL Replication จะต้องเป็นไปในลักษณะReal Time และบรรลุจุดประสงค์ การเชื่อมต่อระหว่างไซต์งานผ่าน WAN จะต้องมีค่า RTT (Round Trip Time) หรือ ห้วงเวลาที่ใช้ไปกับการเดินทางไปกลับระหว่างไซต์งานตั้ง2 และไม่เกิน 40 millisecond


เมื่อใดก็ตามที่ต้องติดตั้งคลัสเตอร์ของ Call Manager ผ่านทาง WAN ท่านสามารถติดตั้ง Voice Gateway รวมทั้งสื่อประเภทอื่นที่เกี่ยวข้องกับ Voice ตลอดจน Voice Mail และเซอร์วิส อื่นๆ ที่จำเป็น อย่างเช่น DHCP,DNS รวมทั้ง TFTP ที่จะช่วยให้การสื่อสารผ่านทาง IP Phone มีความเป็นไปได้

ในการติดตั้ง Clustering ผ่าน Wan สามารถสนับสนุนการช้างาน 2 แบบ คือ

1. การติดตั้งการเชื่อมต่อในรูปแบบ Local Failover

2. การติดตั้งการเชื่อมต่อในรูปแบบ Remote Failover

บรรณานุกรม

วิรินทร์ เมฆประดิษฐ์สิน.การติดตั้ง Clustering บน IP Phone, Microcomputer. November 2008.26,280 (200):61

วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

Lab#2 Remote Destop Whith Windows XP

Lab#2 Remote Destop whith windows xp

3.1 การทดลองนี้ ต้องใช้ Hardware อะไรบ้าง
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง
2. Card LAN
3. สาย UTP
3.2 การทดลองนี้จะต้องใช้ Software อะไรบ้าง
1. Windows XP Professional
2. Remote desktop Connection
กรณีไม่มีโปรแกรมให้ทำการโหลดโปรแกรม Remote Desktop connection มาก่อนแล้วทำการติดตั้งลงเครื่องคอมพิวเตอร์
3.3 การทดลองนี้ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง บอกให้ละเอียด
1. เริ่มต้นให้คลิกเลือกที่ Start > Control Panel >User Accounts เพื่อทำการตั้งชื่อและไอพีของเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่
2. คลิกเลือก Create new account ทำการตั้งชื่อเครื่อง ขั้นตอนนี้ยกตัวอย่างเช่น IT > คลิก Next
3. คลิก Crate Account
4. เข้าไปที่ User Accounts ใหม่ เลือก IT แล้วทำการตั้ง Password คลิก Create a Password > ทำการพิมพ์ Password > คลิก Create Password > จากนั้นให้ทำการ Log off >Switch User เลือกชื่อที่เราได้ตั้งไว้ > จากนั้นให้ทำการใส่ Password
5. จากนั้นให้ไปทำกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องที่สอง ซึ่งขั้นตอนการทำให้ทำเหมือนขั้นตอนที่ 1-4 ซึ่งชื่อและ Password ไม่จำเป็นจะต้องเหมือนกันก็ได้เพื่อความเข้าใจง่าย
6. หลังจากที่เราได้ไปทำการตั้งค่าต่างๆ ที่เครื่องที่สองเรียบร้อยแล้วทำตามขั้นตอนทุกอย่างเสร็จให้ไปเลือกที่ Start >All Program >Accessories >Remote Desktop Connection จากนั้นให้ทำการใส่ IP Address ของเครื่องที่ 1 (IT) กด Connect > ใส่ User + Password ของเครื่องที่ 1 กด ok แล้วรอผลที่ออกทางจอภาพ


สรุป ความสำคัญของ Remote Desktop
Remote Desktop เป็นโปรแกรมที่ทีง่ายต่อการควบคุมคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างกัน ซึ่งเราสามารถที่จะไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องได้ด้วยง่ายไม่จำเป็นจะต้องไปใช้งานเฉพาะเครื่องนั้นเครื่องเดียว โดยเรายังสามารถใช้ทรัพยากรในเครื่องนั้นได้ด้วย ซึ่งก็เหมือนกับเรากำลังใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นอยู่จริง

วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

เรื่อง พัฒนาการทางเทคโนโลยีจาก 2G สู่ยุค 4G

เรื่อง พัฒนาการทางเทคโนโลยีจาก 2G สู่ยุค 4G


หากจะแบ่งประเภทของผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์และการสื่อสารเคลื่อนที่นั้นสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลักๆดังนี้คือ

1.กลุ่ม GSM ที่มีการพัฒนาจากกลุ่ม ETSI และได้พัฒนาจนเป็นกลุ่มมาตรฐาน 3GPP ของเครือข่าย 3G และ 4G ตามลำดับ

2. กลุ่ม CDMA ที่พัฒนาจก IS-95 หรือ CDMA one กลุ่ม TD-SCDMA จากประเทศจีนที่ยายามสร้างจุดต่างขงตัวเองที่จะไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ให้กับต่างประเทศและเข้ามาสู่ยุค 3G เลย

3. กลุ่ม WiMAX ที่เป็นน้องใหม่มาแรง เรียกความสนใจได้มากทีเดียว

สำหรับ GSM ที่ถือกำเนิดจาก ETSI นั้นได้มีการพัฒนาขั้นมาเป็นลำดับที่ความถี่ 800,900,1800,1900 เมกะเฮิรตซ์ โดยการพัฒนาเริ่มจากเครือขาย GSM เองที่เป็นระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดิจิทัล จากนั้นทาง GSM ก็ได้พัฒนาต่อไปโดยใช้เทคโนโลยี WCDMA หรือระบบ UMTS นั่นเอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ 3G ที่เน้นการให้บริการสื่อสารข้อมูลมากขึ้น อย่างไรก็ตามค่าไลเซนล์ก็มีราคาที่แพงมากและความเร็วของระบบ WCDMA ก็ยังไม่เร็วมากในขณะนั้นและไม่สมกับราคาทั้งๆที่ใช้งานสเปกตรัมสูงถึง 5 เมกะเฮิรตซ์ จนเทคโนโลยี HSDPA เข้ามาประมาณปี ค.ศ. 2005 จึงทำให้หลายอย่างได้มรการเปลี่ยนไปเทคโนโลยี 3.5 G นี้มีความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งความเร็วใกล้เคียงกับระบบ ADSL ซึ่งเป็นระบบ

บรอดแบนด์ ทำให้เกิด Mobile Broadband

ขณะที่การพัฒนาระบบ 3G นั้นยังคงก้าวหน้าต่อไปนั้น การพัฒนา 4G ก็ได้เกิดขั้นแล้ว ในสายนี้ระบบ 3.9G/4G จะเรียกว่า Long-Term Evolution หรือ LTE นั่นเอง ซึ่งเป้าหมายคือการให้บริการที่ความเร็ว 100 Mbps จากขนาดแบนด์วิดธ์สเปกตรัมที่ 20 เมกะเฮิรตซ์ แต่ไม่ได้จำกัดไว้ที่ 20 เมกะเฮิรตซ์ เท่านั่นผู้ใช้บริการยังสามารถใช้งานแบบ 1.25 จนถึง 20 เมกะเฮิรตซ์ ได้ระบบนี้จึงมีความยืดหยุ่นมากกว่า 3.5G

บรรณานุกรม

บุญชัย ศรีพลแผ้ว.พัฒนาการทางเทคโนโลยีจาก 3G สู่ยุค 4G, MICRO computer. July 2009.27, 228(2009):94.

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

เรื่อง นวัตกรรมแลเทคโนโบยีด้านพลังงานแบตเตอรี่กระดาษ (Soft Battery)

เรื่อง นวัตกรรมแลเทคโนโบยีด้านพลังงานแบตเตอรี่กระดาษ (Soft Battery)

แบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่ไม่ต้องนำไปรีไซเคิลหลังจากใช้งานเสร็จแล้ว แต่ใช้แล้วทิ้งไปได้เลย แบบเศษขยะทั่วไป ได้ถูกพัฒนาโดยบริษัท Enfucell ของ Finland แบตเตอรี่ดังกล่าวสามารถตัดปัญหาของการรั่วไหลของโลหะและสารอัคคาไลน์ที่พบเจอในแบตเตอรี่ทั่วๆ ไป อีกทั้งอย่างช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย

เซลล์เชื้อเพลิงที่สร้างจากกระดาษนี้ทำงานด้วยหลักการเดียวกันกับถ่านนาฬิกาและถ่านไฟฉาย (Ion) เดินทาจากขั้วลบ (anode) ไปขั้วบวก (Cathode) ผ่านสารละลาย (Electrolyte) ก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้า แต่แทนที่จะให้ไอออนเดินทางในรอบโลหะซึ่งเต็มไปด้วยโลหะเป็นพิษอย่าง Lithium ทางบริษัท Enfucell ใช้กระดาษแผ่นบางๆ เป็นเส้นทางลำเลียงไอออน โดยเคลือบด้านหนึ่งของกระดาษ ด้วยสังกระสี (Zinc) และอีกข้างด้วยแมงกานีสไดออกไซด์ (Manganese dioxide) ไอออนจะไหลผ่านสารละลายของน้ำและ Zinc chloride ภายในกระดาษ

เจ้าแบตเตอรี่ 1.5 V. (เท่ากับถ่านไฟฉาย) ตัวนี้ไม่ได้แค่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังถูกด้วยโดยราคาไม่ถึงบายไทย

Soft Battery ไม่สามารถให้พลังงานได้นานพอสำหรับกล้องดิจิตอลหรือนาฬิกาข้อมือ แต่เหมาะสำหรับการชี้เฉพาะด้วยคลื่นความถี่วิทยุ RFID (Radio frequency Identification) tag หรือแผ่นป้ายส่งข้อมูลไร้สายที่กำลังจาแทนบาร์โค้ดตัวอย่างเข่นการใช้ระบบ RFID ก็เช่นแผ่นป้ายติดตัวสินค้าในสินค้าร้านค้ามันสามารถทำให้เรารู้ได้ว้ามีสินค้าในสต๊อกเท่าไหร่แบตเตอรี่จะเหมาะกับความบางของแผ่นป้ายมาก

ข้อดีอีกอย่างคือ แผ่นป้าย RFID ที่มีแบตเตอรี่ในตัวเองจะส่งสัญญาณได้ขัดเจนและไกลกว่า และจะทำงานเฉพาะตอนที่แผ่นป้ายส่งสัญญาณเท่านั่นนอกากนี้อย่างสารถส่งสัญญาณผ่านของเหลวและอะลูมิเนียมสองอย่างที่มักบล็อกสัญญาณได้ด้วย

บรรณานุกรม

www.VCHARKARN.COM,www.TIME.COM. นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงานแบตเตอรี่กระดาษ(Soft Battery), PANTIP GUIDE.พฤษาภาคม – มิถุนายน 2552.43, 9(2552): 77.

เรื่อง นวัตกรรมแลเทคโนโบยีด้านพลังงานแบตเตอรี่กระดาษ (Soft Battery)

s

วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

เรื่องที่ 4 Bluetooth

          Bluetooth คือเทคโนโลยีเชื่อมต่อแบบไร้สายชนิดหนึ่ง ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยผ่านคลื่นวิทยุระยะสั้น (Short-range radio) ข้อดีของบลูทูธนอกจากทำใหสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์โดยไม่ต้องใช้สายสัญญาณแล้วยังใช้งานได้สะดวกกว่าการเชื่อมต่อแบบอินฟราเรดในแง่ที่ว่าการเดินทางของคลื่นที่ไม่จำเป็นต้องเป็นแส้นตรงเหมือนินฟราเรด


          Bluetooth ใช้สัญญาณวิทยุความถี่อยู่ในย่าน 2.4-2.485 GHz โดยแบ่งเป็นหลายช่องสัญญาณ และส่งข้อมูลแบบ Duplex ที่ความเร็ว 1600 ครั้งต่อวินาที ระยะทางการเชื่อมต่อขึ้นอยู่กับคลาสของอุปกรณ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 คลาสดังนี้

                          1. คลาส 3: ระยะทำงานอยู่ที่ไม่เกิน1 เมตร

                          2. คลาส 2: ระยะทำงานอยู่ที่ไม่เกิน10 เมตร มักใช้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ

                          3. คลาส 1: ระยะทำงานอยู่ที่ไม่เกิน100 เมตร มักใช้กับอุปกรณ์อุตสาหกรรม
          อัตราการในการส่งข้อมูลในอัตราบิตของบลูทูธ คือ 1Mbps สำรับ v.1.2 และได้ถึง 3Mbps สำหรับ v.2.0

          บลูทูธถูกอกแบบมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กซึ่งทำการส่งข้อมูลในจำนวนที่ไม่มากนัก เข่น ไฟร์ภาพ เสียง แอบพลิเคชั่นต่างๆ และสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย นอกจากนี้ยังใช้พลังงานต่ำกินไฟน้อย คลาสที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือ คลาส 2 ซึ่งใช้พลังงานที่ 2.5 มิลิวัตต์



บรรณานุกรม

ธนารัตน์ ชลิดาพงศ์.Bluetooth,PANTIP GUIDE.กันยายน-ตุลาคม 2551.39,9(2551) : 70.

CCNA CCNP CCIE คืออะไร

1. CCNA CCNP CCIE คืออะไร


CCNA CCNP CCIE เป็นใบประกาศนียบัตรของซิสโก้ ซิสเต็ม ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำและมีชื่อเสียงเป็นมากในเรื่องของเทคโนโลยี ระบบเครือข่ายและผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์เราเตอร์

1. Cisco Certified Network Associate (CCNA)

เป็น ประกาศนียบัตรที่ผู้ที่ได้รับต้องมีความรู้ในเรื่องของระบบเครือข่าย สามารถติดตั้งและดูแลจัดการระบบเครือข่ายขนาดเล็กได้ CCNA นี้ไม่มีวิชาบังคับที่ต้องได้รับมาก่อน (Exam Prerequisite) เมื่อสอบผ่านวิชาใดวิชาหนึ่ง ก็สามารถได้รับประกาศนียบัตรนี้

2. Cisco Certified Network Professional (CCNP) เป็น ประกาศนียบัตรที่ผู้ที่ได้รับต้องมีความรู้เป็นอย่างดีในเรื่องของระบบเครือข่าย สามารถติดตั้งและดูแลจัดการระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ได้ การที่จะสามารถสอบ CCNP ได้ต้องสอบผ่าน CCNA มาก่อน

3. . Cisco Certified Internet work Expert (CCIE) เป็นประกาศนียบัตรขั้นสูงสุดในส่วนของ Network Installation and Support Certification และ Communication and Services Certification

แหล่งที่มา:http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=1b8775dc8af9b023

MCSA MCSE MCP MOUS คืออะไร

2. MCSA MCSE MCP MOS คืออะไร


เป็นใบประกาศนียบัตรของไมโครซอฟต์

ประกาศนียบัตรต่างๆ ของไมโครซอฟท์จึงเน้นในส่วนของระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์

1. (MCSA) MicrosoftCertifiedSystemsAdministrator มีข้อกำหนดว่าผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตร MCSA ต้องสอบผ่าน 3 วิชาหลัก (Core Exam) และ 1 วิชาเลือก (Elective Exam) ผู้ที่เป็นMCSAเป็นผู้ที่มีความรู้ในการจัดการระบบและสามารถแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบปฏิบัติการได้ประกาศนียบัตร MCSAนี้เหมาะกับบุคลากรที่มีอาชีพดังนี้system administrator, information system administrator, network administrator, network technician, network operation analyst และ technical support specialistเป็นต้น

2. Microsoft Certified Systems Engineer (MCSE)ประกาศนียบัตรนี้เป็นประกาศนียบัตรหลัก มีความสำคัญ และเป็นที่ยอมรับมากที่สุด ผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตร MCSE ต้องสอบผ่าน 5 วิชาหลัก และ 2 วิชาเลือก ผู้ที่เป็น MCSE เป็นผู้ที่มีความรู้ในการวางแผนและจัดการระบบ สามารถติดตั้งและดูแลบริหารงานระบบ รวมถึงสามารถใช้งานในส่วนของเซิร์ฟเวอร์แบบต่างๆ และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแก่ระบบปฏิบัติการได้ ประกาศนียบัตร MCSE นี้เหมาะกับบุคลากรที่มีอาชีพดังนี้ system engineer, system analyst, network engineer, network analyst และ consultant ต่างๆ เป็นต้น

3. Microsoft Certified Professional (MCP) เป็นประกาศนียบัตรที่ง่ายที่สุด เพียงสอบผ่านวิชาใดวิชาหนึ่งเพียง 1 วิชา ก็ได้รับ MCP แล้ว แต่มียกเว้นอยู่ 2 วิชาคือ Networking Essentials และ Microsoft Windows 2000 Accelerated Exam for MCPs Certified on Microsoft Windows NT 4.0 เท่านั้น

4. Microsoft Office User Specialist (MOUS) Master Instructor ผู้ ที่ได้รับประกาศนียบัตร MOUS Master Instructor เป็นผู้มีความรู้และความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ในส่วนของแอพพลิเคชัน ต่างๆ ของไมโครซอฟท์ ออฟฟิศโดยใช้ MOC ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่จะได้รับประกาศนียบัตร MOUS Master Instructor มีขั้นตอนคล้ายกับประกาศนียบัตร MCT

แหล่งที่มา:http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=1b8775dc8af9b023

The Dawn of the Net

The Dawn of the Net


เริ่มต้นเมื่อเราทำการป้อนข้อมูลหรือร้องขอเครื่องจะทำการรับข้อมูลของเราเข้าไปจากนั้นเครื่องจะทำการประมวลผลคำสั่งที่เราได้ทำการพิมพ์เข้าไปแล้วนำข้อมูลของเราไปแบ่งให้เป็นกลุ่มย่อยๆ เพื่อให้ข้อมูลของเราถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า TCP Packet เพราะ TCP จะทำการรับผิดชอบการสร้าง TCP connection จัดการกับ sequencing และ acknowledgment ของ Packet ที่ส่งไป ซึ่ง TCP Packer ของแต่ละตัวจะถูกกำหนด IP Address ปลายทางให้ จากนั้น TCP Packer จะถูกส่งไปยัง Router จากนั้น Router จะทำการเลือกเส้นทางให้กับข้อมูล จากนั้นข้อมูลจะถูกส่งไปยัง Router Switch จากนั้น Router Switch จะทำการอ่านรหัสของข้อมูลแล้วทำการแยก Packer อีกครั้งหนึ่งจากนั้น TCP Packer จะถูกส่งไปที่เครื่อง Server เพื่อจะทำการตรวจสอบข้อมูลว่าข้อมูลไหนที่จะให้ผ่านและข้อมูลไหนจะไม่ให้ผ่าน ดังนั้น Server จะทำหน้าที่ในการบล็อกเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายหรือเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและเมื่อตรวจสอบเสร็จ TCP Packer ที่ถูกบล็อกก็จะไม่สามารถส่งไปได้ และ TCP Packer ที่ไม่ได้ถูกบล็อกจะถูกส่งออกไปยัง Router Switch อีกครั้งหนึ่ง จากนั่น Router Switch จะทำการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้กับ Packet อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนการทำงานนี้ยังอยู่ในระบบ LAN อยู่ หลังจากที่ Router Switch ทำการเลือกเส้นทางให้เสร็จแล้ว Packer ก็จะถูกส่งไปยัง Network เพื่อนำ Packer ไปยังจุดหมายปลายทางและเมื่อ Packet ส่งไปยังปลายทาง เมื่อถึงเป้าหมาย จะมีการแยกหมายเลขหรือแยก Post ของแต่ละ Packer ว่าแต่ละ Packer จะต้องไปที่ Post ไหน และเมื่อทำการแยก Post ให้กับ Packer แล้ว Packer จะถูกส่งไปยังเครื่องปลายทางแล้วเครื่องปลายทางจะทำการอ่านข้อมูลหรือทำการแปลงข้อมูลที่เราได้ทำการส่งไปเมื่อเครื่องปลายทางอ่านเสร็จแล้วก็จะส่งข้อมูลนั้นกลับมายังเครื่องของเรา

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

กลยุทธ์ 3G ในต่างประเทศ

         3G เทคโนโลยีหนึ่งที่คาดว่าจะได้เห็นกันจริงๆจังๆที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่หลายรายประกาศจะเปิดใช้งานในปีนี้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีโทรคมนาคมใหม่ที่จะเปลี่ยนวงการสื่อสารในหลายๆ ด้านเฉพาะเครือข่าย UMTS/HSPA ที่เป็นเครือข่าย 3G ที่มีพื้น,านการพัฒนาจากเคื่อข่าย GSM นั่นเอง

         เจ้าเทคโนโลยี HSPA นี้เป็นเทคโนโลยการสื่อสารไร้สายที่สามารถจะสื่อสารข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงที่สูงถึง 14.4 MBps ทางด้านดาวน์ลิงก์ และ 5.76 MBps ทางด้้านการอัพลิงก์และมีเครื่องเทอร์มินัจจำนวนมากมายที่รองรับระบบนี้กว่า 600 รุ่นจากผู้ผลิตกว่าร้อยมีทั้งเป็นดาต้าการ์ด ยูเอสบีโมเด็ม ไวร์เลสเราเตอร์ หรือ แม้กระทั่งเครื่องโทรศัพท์ที่มีกว่า 300 แบบ และมีเครือข่ายที่ใช้เครือข่ายทั่งโลก และสาเหตุที่เครือข่าย 3G ในหลายๆ ประเทศค่อนข้่างเงียบ เพราะต้นทุนเครือข่ายและความถี่ที่สูง ประกอบกับเทคโนโลยีบรอดแบนด์อย่าง wi-fi หรือ ADSL นั่นเองแต่ด้วย HSPA ต้นทุนต่อความเร็วในการรับสุงข้อมูลที่ต่ำลงมากจังทีให้เครือข่าย 3G ในหลายประเทศสามารถประสบความสำเร็จจึงกลายเป็นเทคโนโลยีเนื้อหอมที่ดึงดูดผู้ให้บริการหลายรายมีความมั่นใจทีจะลงทุนในเทคโนโลยีนี้

         กลยุทธ์ 3G
กลยุทธ์การสร้างกำไรแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆคือ
1. การรับส่งข้อมูลเป็นหลัก (Data Service)
2. เน้นการให้บริการใหม่ๆ ให้กับโทรศัพทธเคลื่อนที่
3. สำหรับกลยุทธ์สุดท้ายจะเน้นการใช้ต้นทุนต่ำกว่าในการให้บริการของ 3G เป็นหลัก

บรรณานุกรม:
บุญชัย ศรีพลแผ้ว.กลยุทธ์ 3G ในต่างประเทศ,Micro computer.January 2009.27,282 (2009) : 99-100;

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สรุป เทคโนโลยี Mobile WiMAX ของซิสโก้

เทคโนโลยี Mobile WiMAX ของซิสโก้คือพัฒนาการล่าสุดในเทคโนโลยีไร้สาย ซึ่งอาศัยพลังของมาตรฐานไอพีและมาตรฐานไร้สาย โซลูชั่น Mobile WiMAX ของซิสโก้มีความเร็วสูงครอบคลุมเครือข่ายได้อย่างกล้าวขวาง และสามารผนวกเข้ากับเครือข่ายไอพีได้ จึงทำให้ โซลูชั่น Mobile WiMAX เป็นที่น่าสนใจสำหรับบริการไร้สายในรูปแบบใหม่ๆ หรือสำหรับบริการเพิ่มเติม Quad-Play หรือบริการ "ครบวงจร" ไว้บนสถาปัตยกรรมเครื่องข่ายพื้นฐาน


Mobile WiMAX สนับสนุนเทคโนโลยีบีมฟอร์มมิ่ง(Beamforming)แบบยืดหยุ่นและเทคโนโลยี Multiple-Input,Multiple-Output(MINO),ระบบเสาสัญญาณขั้นสูง ที่รองรับการให้บริการแบบหลายเมกะบิต การขยายขอบเขตครอบคลุม และการแพร่สัญญาณเข้าสู่ภายในอาคารให้มากขึ้นและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น


Mobile WiMAX ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไร Mobile WiMAX นี้เป็นไปตามข้อกำหนดของ บริษัท Mobile WiMAX และรูปแบบอ้างอิงเครือข่ายโปรไฟล์ C โดยประกอบด้วยสถานีฐาน ระบบเสาสัญญาณ เกตแวร์เครือข่ายสำหรับบริการเชื่อมต่อ ระบบการจัดการและอุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ในสถานที่ตั้งของลูกค้า


สถานีฐาน Cisco Broudband Wireless Access (BWX)8305 จะทำการจัดหาเลอยอร์การเชื่อมต่อวิทยุไวแม็กซ์ของโซลูชั่นบรอดแบนด์ไร้สายของซิสโก้ซึ่งประกอบด้วยเทคโนโลยีบีมฟอร์มมิ่งแบบยืดหยุ่น สามรถรับสัญญาณแบบ 8 เสา โดยทั้งหมดนี้อยู่ในระบบเดียวกันจะทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับอุปกรณ์


บรรณานุกรม


Special Report.เทคโนโลยี Mobile WiMAX ของซิสโก้,Micro computer.January 2009.27,282 (2009) : 48.

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สรุปเรื่อง แวลลูฯ เตรียมวางตลาดสวิตช์อัจฉริยะไรสายรุ่นใหม่จากดีลิงค์

บริษัทเดอะแวลลูซินเตมส์ จำกัด ผู้ค้าส่งสิน้าไอทีนั้นนำของประเทศไทยและนำเข้าสินค้ารุ่นใหม่ ภายใต้เทคโนโลยีล่าสุดของดีลิงค์ คือ DES-1228P และ DWL-3140AP สวิตช์ไร้สายอัจฉริยะที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีล่าสุดในส่วนของไวร์เลสแลน ซึ่งจะช่วยให้ง่ายต่อการบริหารจัดการแอคแซสพอยต์จากสวิตซ์โดย DES-1228P มาพร้อมกับพอร์ตและจำนวน 24 พอร์ตแบบอีเทอร์เน็ตและ 4 พอร์ตแลนแบบกะบิต(รวม 2 combo SFP)ที่สามารถช่วยจ่ายกระแสไฟผ่านสายแลนได้โดยตรง(POE ในขณะที่ DWL-3140AP)รองรับการส่งสัญญาณไร้สายแบบ IEEE 802.11 b/g และรองรับกระแสไฟผ่านสายแลน (POE)สวิตซ์ไร้สายอัจฉริยะจาดดีลิงค์เป็นโซลูชั่นล่าสุดในกลุ่มสินค้าเน็ตเวิร์คที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานระบบไร้สายให้มีความยืดหยุ่นง่ายต่อการติดตั้งใช้งาน รวมถึงสามารถบริหารจัดการแอคเซสพอยต์ทั้งหมดได้จากส่วนกลาง โดยสามารถให้งานร่วมกับแอคแซสพอยต์รุ่น DWL-3140AP ซึ่งมีเทอร์โบซึ่งจะช่วยให้การรับส่งข้อมูลมีความเร็วขึ้น สำหรับประสิทธิภาพ DES-1228P เป็นสวิตซ์ในระดับเลเยอร์ 2 มีความสามารถในการทำ IGMP Snooping, Spanning Tree, Port trunk, mirroring,Qos และ VLAN โดยสามารถบริหารจัดการกับแอคเซสพอยต์ได้ถึง 24 ตัว (สำหรับแอคเซสพอยต์ในรุ่น DWL-3140AP)สวิตซ์ไร้สายอัจฉริยะจากดีลิงค์มีความยืดหยุ่นและง่ายต่อการติดตั้งใช้งานยังช่วยลดรายจ่ายและ คุ้มค่าต่อองค์กรด้วย

บริษัทฮาร์ดแวร์โซน(ประเทศไทย)จำกัด.//”แวลลูฯเตรียมวางตลาดสวิตซ์อัจฉริยะไร้สายรุ่นใหม่จากดีลิงค์,”//HWM(Thailand).MARCH 2009(2009):25.


วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Linux กับ MS-DOS

ระบบ Linux เป็นระบบที่ยุ่งยากกว่าระบบปฏิบัติการ MS-DOS มี Function หลายอย่างที่ MS-DOS ไม่มี จึงนำไปใช้งานได้มากกว่า MS-DOS แต่จากที่ได้อ่านมาและได้ลองพิมพ์คำสั่งมารู้สึกว่าคำสั่งใน MS-DOS จะเข้าใจง่ายกว่านะครับ แต่ถ้าในเนื้อหาของอาจารย์มีรูปภาพประกอบด้วยก็คงดีกว่านี้ เพราะว่าบางคำสั่งทำไม่ได้ครับและมันก็ยากด้วย

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สรุป ความสำคัญของการพิมพ์ บรรณานุกรม

ความสำคัญของการรวบรวมบรรณานุกรม

1.เพื่อแสดงว่า รายงานนั้นเป็นรายงานที่มีเหตุผลและมีสาระไม่ใช่ผู้เรียบเรียงคิดขึ้นมา ตามความพอใจและความเข้าใจ

2.เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สนใจศึกษารายละเอียด ข้อเท็จจริงของสิ่งพิมพ์ และ ที่ผู้เรียบเรียงและผู้แปลนำมาประกอบเป็นหลักฐานเพิ่มเติมได้อีก

3.เพื่อเป็นแหล่งตรวจสอบหลักฐานดั้งเดิมของข้อเท็จจริงที่ผู้เขียนนำมาเป็นข้อเขียนในรายงานนั้นๆ ได้

รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมประเภทต่างๆ
1.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากหนังสือ มีรูปแบบดังนี้
ชื่อผู้แต่ง.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/
: /สำนักพิมพ์, /ปีที่พิมพ์.

1.1 หนังสือที่มีผู้แต่งสองคน จะมีรูปแบบการเขียนดังนี้
ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

1.2 หนังสือที่มีผู้แต่งสามคน
จะมีรูปแบบการเขียนดังนี้
ชื่อ-สกุล,ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

1.3 หนังสือที่มีผู้แต่งมากกว่าสามคน
จะมีรูปแบบการเขียนดังนี้
ชื่อ-สกุล/และคณะ.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

1.4 หนังสือที่ผู้แต่งใช้นามแฝงหรือชื่อย่อ
จะมีรูปแบบการเขียนดังนี้
ชื่อ/(นามแฝง). //ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

1.5 หนังสือที่ผู้แต่งเป็นสถาบันหรือสิ่งพิมพ์ที่ออกในนามหน่วยงานราชการ รูปแบบการเขียนดังนี้ ชื่อสถาบัน-หน่วยงาน.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

1.6 หนังสือที่มีบรรณาธิการ
ชื่อ-สกุล,บรรณาธิการ. //ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/
:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

1.7 หนังสือแปล จะมีรูปแบบการเขียนดังนี้
ชื่อ-สกุล.//ชื่อเรื่อง,/แปลจาก//ชื่อเรื่อง//โดย/ชื่อ-สกุล.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/
:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

ชื่อ-สกุล,/ผู้แปล.//ชื่อเรื่อง,แปลจาก//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

1.8 หนังสือที่ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/
:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

1.9 ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์หรือการศึกษาอิสระ
ชื่อ-สกุล.//ชื่อเรื่อง.//วิทยานิพนธ์/หลักสูตรและการสอน/จังหวัดที่สถานศึกษาสังกัด/
:/ชื่อสถานศึกษา,/ปีที่พิมพ์.

1.10 สิ่งพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นการรวบรวมบทความ
ชื่อผู้เขียน.//“ชื่อบทความหรือชื่อตอน,”/ใน/ชื่อเรื่อง,//ชื่อบรรณาธิการหรือชื่อผู้รวบรวม(ถ้ามี).//

หน้าที่ตีพิมพ์บทความหรือตอนนั้น.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

ถ้าไม่มีชื่อผู้เขียนให้ลงรายการแรกด้วยชื่อบทความหรือชื่อตอน

1.11 เอกสารที่ไม่เป็นเล่ม
ชื่อหน่วยงานที่ออกเอกสาร.//ชื่อเรื่อง./(ชนิดของเอกสาร).//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
ชนิดของเอกสารก็เช่น แผ่นพับ เป็นต้น
คำสั่ง ประกาศ ของหน่วยงานต่างๆ
ชื่อหน่วยงาน.//คำสั่งที่/ตัวเลข/ตัวเลข./เรื่อง/ชื่อเรื่อง.//วันที่/เดือน/ปีที่พิมพ์.
ชื่อหน่วยงาน.//ประกาศหน่วยงาน/เรื่อง/ชื่อเรื่อง./วันที่/เดือน/ปีที่พิมพ์.


2.
รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมบทความจากวารสาร
ชื่อ-สกุลผู้เขียนบทความ.//“ชื่อบทความ,”//ชื่อวารสาร.//ปีที่,ฉบันที่(ปีที่พิมพ์)/
:/เลขหน้า.
ในกรณีที่บทความไม่จบในฉบับ ให้ใส่เครื่องหมายอัฒภาคแล้วใส่ปีที่ ฉบับที่ ของวารสารฉบับต่อๆ ไป
พร้อมเลขหน้า

3.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมบทความ ข่าวหรือคอลัมน์จากหนังสือพิมพ์
ชื่อผู้เขียน.//“ชื่อบทความหรือหัวข้อในคอลัมน์,”//ชื่อหนังสือพิมพ์.//วันที่/เดือน/ปี/
:/เลขหน้า.

4.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากการสัมภาษณ์
ผู้ให้สัมภาษณ์.//ตำแหน่ง (ถ้ามี).//สัมภาษณ์
, วันเดือนปี.

5.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากรายการวิทยุหรือโทรทัศน์
ชื่อผู้บรรยาย.//ชื่อรายการ.//สถานี//วันเดือนปี.//เวลาที่ออกอากาศ.

6.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมของวัสดุสื่อโสตทัศน์ประเภทภาพยนตร์ ภาพเลื่อน ภาพนิ่ง แผนที่และวีดีทัศน์

ชื่อเรื่อง.//(ชนิดของวัสดุ).//สถานที่ผลิต/:/ผู้ผลิต,/ปี่ที่ผลิต.

7.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากวัสดุสื่อโสตทัศน์ประเภทแถบบันทึกเสียง แผ่นเสียงและแผ่นซีดี
ชื่อผู้บรรยายหรือผู้พูดหรือผู้ขับร้อง (ถ้ามี).//ชื่อของวัสดุ.//(ประเภทของวัสดุ).//สถานที่ผลิต/
:/ผู้ผลิต,/ปีที่ผลิต.

8.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากแหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ข้อมูลจากหนังสือหรือที่เป็นเนื้อหา
ชื่อ-สกุลผู้แต่ง.//ชื่อเรื่อง.//(ประเภทของสื่อที่เข้าถึง).//แหล่งที่มาหรือ
Available/:/ชื่อของแหล่งที่มา/
ชื่อแหล่งย่อย.//ปีที่สืบค้น.
ข้อมูลที่เป็นบทความจากหนังสือหรือวารสาร
ผู้แต่ง.//“ชื่อบทความ,”//(ประเภทของสื่อที่เข้าถึง).//ปีที่,ฉบับที่ (ปี พ.ศ.)/
:/หน้า.//แหล่งทที่มาหรือ Available/:/
ชื่อของแหล่งที่มา/ชื่อแหล่งย่อย.//ปีที่สืบค้น.
หมายเหตุ
/ หมายถึง ให้เคาะห่าง
1 เคาะ
// หมายถึง ให้เคาะห่าง
2 เคาะ

การอ้างอิง การอ้างอิงมีหลายรูปแบบในที่นี้จะอธิบายเฉพาะการอ้างอิงระบบนามปีรูปแบบการอ้างอิงที่แทรกในเนื้อหา
1.
ผู้แต่งคนเดียว ถ้าเป็นชาวต่างประเทศให้ลงเฉพาะชื่อสกุลเท่านั้น
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
2.
ผู้แต่งสองคน
(ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
3.
ผู้แต่งสามคน
(ชื่อ-สกุล,/ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)

4.ผู้แต่งมากกว่า 3 คน
(ชื่อ-สกุล/และคณะ.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
(ชื่อ-สกุล/และคนอื่นๆ.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
5.
ผู้แต่งที่มีฐานันดรศักดิ์
(ฐานันดรศักดิ์ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
6.
ผู้แต่งที่มียศตำแหน่ง
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
7.
ผู้แต่งที่ใช้นามแฝง
(ชื่อ-สกุล,/นามแฝง.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
8.
ผู้แต่งที่เป็นสถาบันหรือหน่วยงาน
(ชื่อหน่วยงาน.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
9.
ชื่อผู้แต่งที่เป็นสถาบันที่มีชื่อยาว
ชื่อหน่วยงาน(ตัวย่อของหน่วยงาน)(ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
สำนักงาน ตัวย่อของหน่วยงาน (ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
10.
ผู้รวบรวมหรือบรรณาธิการ ผู้แต่งไม่ปรากฏชื่อมีแต่ชื่อผู้รวบรวมหรือบรรณาธิการ
(ชื่อ-สกุล, บรรณาธิการ.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
11.
ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
(ชื่อเรื่องหรือบทความ.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
12.
หนังสือแปล
หนังสือแปลระบุชื่อผู้แต่งที่เป็นเจ้าของเรื่อง
ให้ลงชื่อผู้แต่ง สะดกเป็นภาษาไทย
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
หนังสือแปลไม่ระบุชื่อผู้แต่งที่เป็นเจ้าของเรื่อง
(ชื่อ-สกุล, ผู้แปล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
13.
เนื้อเรื่องที่อ้างอิงต้นฉบับเดิมเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อกล่าวถึงผู้แต่งในตัวเนื้อเรื่องให้ลงชื่อสกุลของผู้แต่งนั้นด้วยภาษาอังกฤษแล้วตามด้วย (ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
14.
ผู้แต่งคนเดียวเขียนเอกสารหลายเล่ม
ผู้แต่งคนเดียวเขียนเอกสารหลายเล่ม
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า,/ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
ผู้แต่งคนเดียวเขียนเอกสารหลายเล่ม
บางเล่มปีที่พิมพ์ซ้ำกัน
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า)
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/ข/
:/เลขหน้า)

15. ผู้แต่งหลายคน เอกสารหลายเรื่องต้องการอ้างถึงพร้อมๆ กัน
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า;/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า;/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
16.
การอ้างอิงงานของผู้แต่งชาวต่างประเทศที่มีนามสกุลเหมือนกัน ในกรณีที่ชื่อต้นและชื่อกลางของผู้แต่งมีนามสกุลเดียวกัน
(ชื่อ,ชื่อ/
and/ชื่อ,/สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
17.
วัสดุที่ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์
(ชื่อ-สกุล.//ม.ป.ป./
:/เลขหน้า) (ม.ป.ป.) ย่อมาจาก ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์ หรือไม่มีปีที่พิมพิ์ปรากฏอยู่ที่หนังสือ
18.
การอ้างอิงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือที่ไม่ใช่เนื้อหา
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/คำแสดงส่วนของหนังสือ)
19.
การอ้างอิงจากแหล่งรอง
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า;/อ้างอิงจาก/ชื่อ-สกุล//ชื่อเรื่อง.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
20.
การอ้างอิงจากการสัมภาษณ์
(ชื่อ-สกุล.//สัมภาษณ์.//ปีที่พิมพ์)

21.
การอ้างอิงวัสดุประเภทสื่อโสตทัศน์
(ชื่อ-สกุล.//ประเภทวัสดุ.//ปีที่พิมพ์)
(ชื่อหน่วยงาน.//ประเภทวัสดุ.//ปีที่พิมพ์)

22.
การอ้างอิงข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
(ชื่อ-สกุล.//
http://ที่อยู่เว็บไซต์.//ปีที่พิมพ์)
23.
การอ้างอิงข้อมูลในเนื้อหา
ชื่อ-สกุล (ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า).....เนื้อหา..... เรียกว่า อ้างหน้า
.....เนื้อหา(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/
:/เลขหน้า) เรียกว่า อ้างหลัง

ตัวอย่างการเขียนบรรณานุกรม

ข้อ1.

1.1 การสื่อสาร คือ เป็นการถ่ายโอนข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านตัวกลางส่งผ่านข้อมูลโดยตัวกลางที่นำข้อมูลไปนั้นอาจเป็นได้ทั้งตัวกลางชนิดมีสาย และชนิดไม่มีสายก็ได้(โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์. 2548:17)

1.2 การสื่อสารข้อมูล หมายถึง คือการส่งข้อมูลข่าวสารจากจุดๆ หนึ่ง ซึ่งเรียกว่า จุดเริ่มหรือจุดส่งสัญญาณไปยังจุดปลายหรือจุดรับข่าวสาร โดยอาศัยตัวกลางหรือพาหะนำสัญญาณ(วิทยา บุญสุข.2546:23)
1.3 การสื่อสารข้อมูล คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ส่งไปยังผู้รับโดยอาศัยวิธีการส่งข้อมูลรูปแบบต่างๆ กัน การสื่อสารระหว่างบุคคลจะใช้การพูดหรือการเขียนเป็นสำคัญ สำหรับกรสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์จะเป็นการส่งแฟ้มข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ต้นทางไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทาง(เดชานุชิต กตัญญูทวีทิพย์.2546:1 )
สรุป การสารข้อมูล หมายถึง คือการส่งข้อมูลจากเครื่องเริ่มต้นไปยังเครื่องปลายทางโดยใช้สื่อตัวกลางในการรับส่งข้อมูล


ข้อ 2.

2.1 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือการนำเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องมาเชื่อมต่อกันเพื่อแลกเปลียนข่าวสารถ่ายโอนข้อมูลซึ่งกันและกันตลอดจนให้ใช้ทรัพยากรร่วมกันได(วิทยา บุญสุข,)
2.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือเป็นระบบการสื่อสารข้อมูลที่ถูกออกแบบให้มีการใช้ทรัพยากรเครือข่ายร่วมกัน โดยผู้ใช้หลายๆ คนสามารถใช้ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ร่วมกันได้ (เดชานุชิต กตัญญูทวีทิพย์,)
2.3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ PC เครื่อง เซิร์ฟเวอร์ เครื่องพิมพ์ หรืออุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ต่างๆ มาต่อเข้าด้วยกันเพื่อวัตถุประสงค์หลายๆ อย่าง เช่น การเชื่อมโยงข้อมูล(ธวัชัย ชมศิริ.2549:1)
สรุป เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือการเชื่อมต่อระหว่าเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครื่องอุปกรณ์หลายๆเครื่องรวมกันเพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกันได้


ข้อ3.

3.1 องค์ประกอบของการสื่อสาร มี 3 ประการ ดังนี้
3.1.1 ข้อมูลจะต้องถึงปลายทางที่ถูกต้อง 3.1.2 ข้อมูลจะต้องถูกต้อง 3.1.3 ข้อมูลต้องถึงในเวลาที่กำหนด(สุรชาติ พงศ์สุธนะ,)
3.2 องค์ประกอบของการสื่อสาร มี 5 ประการ ดังนี้
1. ข้อมูลข่าวสาร 2. ผู้ส่งข้อมูล 3. ผู้รับข้อมูล 4. ตัวกลางในการส่งข้อมูล 5. โปรโตคอล (โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์.2548:24)
3.3 องค์ประกอบของการสื่อสาร มี 5 ประการ ดังนี้
1. ข้อมูล 2. ผู้ส่ง 3. ผู้รับ 4. สื่อ 5. โปรโตคอล (เดชานุชิต กัตัญญูทวีทิพย์.2550:14)
สรุป องค์ประกอบของการสื่อสาร จะต้องประกอบด้วย ข้อมูลที่จะส่งออกไป ผู้ส่งข้อมูล ผู้รับข้อมูล สื่อกลางที่จะใช้ในการส่งข้อมูล และโปรโตคอล จึงจะติดต่อสื่อสารกันได้

ข้อ4.

4.1 โปรโตคอล คือ กฎเกณฑ์ ระเบียบ หรือข้อปฏิบัติต่างๆ ที่กำหนดขึ้นมา เพื่อเป็นข้อตกลงที่ใช้สำหรับเป็นมาตรฐานในการกำหนดบทบาทหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูลให้ถูกต้องตรงกัน บทบาทสำคัญของโปรโตคอลก็เพื่อให้อุปกรณ์ทั้งสองฝั่งสามารถสื่อสารและเข้าใจตรงกัน เพื่อให้ผลของการสื่อสารระหว่างกันเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง (โอภาส เอี่ยมริริวงศ์,)
4.2 โปรโตคอล คือ ข้อตกลงหรือกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นสำหรับการสื่อสารเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารหรือรับส่งข้อมูลกันได้อย่างถูกต้องและไม่ผิดพลาด ไม่ว่าจะอยู่ในเครือข่ายเดียวกันหรือข้ามเครือข่าย (พิศาล พิทยาธรวิวัฒน์.2551:33)
4.3 โปรโตคอล คือ ภาษากลางในการสื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์สองเครื่อง (ธวัชชัย ชมศิริ.2549:18)
สรุป โปรโตคอล คือกฎเกณฑ์ที่ใช้เป็นมาตรฐานในการสื่อสารเพื่อให้คอมพิวเตอร์สองเครื่องได้เข้าใจตรงกัน



ข้อ5.

5.1 Topology หมายถึงลักษณะของการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในเครือข่ายด้วยกัน (สุรชาติ พงศ์สุธนะ.2550:17)
5.2 Topology คือ รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่าย เป็นลักษณะที่บอกถึงรูปร่างหรือโครงสร้างของระบบเครือข่าย (พิศาล พิทยาธุรวิวัฒน์.2551:17)
5.3 Topology เป็นรูปแบบการต่อของระบบเครือข่ายท้องถิ่น LAN (วิทยา บุญสุข.2546:19)
สรุป Topology : เป็นการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอินเตอร์เน็ทและเครื่องคอมพิวเตอร์ฟภายในเครือข่ายเข้าด้วยกัน

สรุปข้อ 14-30 (TCP Buffering and Sequencing-Ad-Hoc Network)

ข้อ:14.การส่งข้อมูลจาก East Network ไปยัง West Network และส่งกลับคืนมาเท่ากับค่า64แล้วส่งกลับไปยังเครื่อง West Network แล้วจะส่งกลับมายัง East Network=72,80

ข้อ:15.การส่งสัญญาณโดยใช้สัญญาณโทรศัพท์

ข้อ:16.การส่งข้อมูลดดยไปยัง Network สามารถเดินทางได้สองเส้นทาง แต่บางครั้งเส้นทางที่หนึ่งก็ทำให้ข้อมุลเสียหายได้

ข้อ:17.บัฟเฟ่อร์ คือ การพักข้อมุลจากคอมพิวเตอรืสองตัว ซึ่งอาจจะมีการทำงานไม่เท่ากันทำการพักข้อมุลเพื่อให้ข้อมูลของคอมพิวเตอร์ที่มีความเร้วและช้าทำงานร่วมกัน

ข้อ:18.การส่งข้อมุลจาก East Network ไปยัง West Network และส่งข้อมลกลับไปที่ East Network โดยมี Router เป็นสื่อในการส่งต่อ

ข้อ:19.การค้นหาข้อมูลจากเครือข่ายอินเตอร์เน็ต www.nst.gov เมื่อพบข้อมูล www.nst.gov จะส่งกลับมา

ข้อ:20.User1@umassd.edv ไปยัง User2@net-seal.net โดยผ่านทาง Mail Server mail.Umassd.edu แล้วส่งผ่านทาง Mail Sever mail.net-seal.net โดยใช้สื่อกลางในการส่ง คือ Router

ข้อ:21.การเชื่อมต่อของคอมพิวเตอร์จากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยไม่ต้องใช้สายส่งสัญญาณ

ข้อ:22.การส่งข้อมูลจาก West Network ไปยัง East Network โดยส่งผ่านทาง Router ชื่อ Intermediate Router Using TPv4 โดยการกำหนด TPv6

ข้อ:23.การส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่งโดยคอมพวเตอร์ที่เป็นตัวรับจะทำการปลดล็อคเพื่อที่จะให้คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งส่งข้อมูลมายังเครื่องที่รับได้

ข้อ:24.ป้องกันการ login ที่ไม่ได้รับอนุญาตที่มาจากภายนอกเครือข่าย - ปิดกั้นไม่ให้ traffic จากนอกเครือข่ายเข้ามาภายในเครือข่ายแต่ก็ยอมให้ผู้ที่อยู่ภายในเครือข่ายสามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ - เป็นจุดรวมสำหรับการรักษาความปลอดภัยและการทำ นอกจากไฟร์วอลล์จะต้องเชื่อมต่อเฉพาะเว็บไซต์ส่วนตัว ในไฟร์วอลล์มีการกำหนดกฎโดยผู้ดูแลระบบเครือข่ายของไซต์เอกชน กฎเหล่านี้ให้ไฟร์วอลล์เพื่อระบุการเข้าชมเครือข่ายที่สามารถส่งต่อและปริมาณที่ควรจะกรอง

ข้อ:25.คอมพิวเตอรืจะทำการ Buffer ข้อมูลส่งให้กับ Router จทำการ receive buffer แล้วส่งกลับมายังคอมพิวเตอร์

ข้อ:26.การ buffer ข้อมูล และจะส่งที่ละสามข้อมูลให้ Router จากนั้น Router จะทำการส่งข้อมุลกลับไปสามตัวเหมือนเดิม

ข้อ:27.การส่งข้อมูลไปยัง Router ทีละสามข้อมุลแต่ส่งกลับมาช้ามาก และมีการทำงานทั้งหมดหกเฟรม

ข้อ:28.คือการส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตัวแรกโดยทำการเช็คว่าเป็นAppication,presenttation,Session,Transport,Network,Data ling ,Physicalแล้วส่งต่อไปยัง Bthemet LAN แล้วทำการเช็ค แล้วส่งไปที่ ATM WAN แล้วทำการเช็คตัวที่สอง แล้วส่งไปทาง Ethenet LAN แล้วทำการเช็คอีกครั้ง

ข้อ:29.เมื่อส่ง Files จากเครื่องคอมพิวเตอร์สีฟ้า และ Files เครื่องคอมพิวเตอรืสีแดง ไปยัง Files; netseal.jpg index.html แล้วส่งกลับไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งสองก็จะมี Files ชื่อ netseal.jpg ต่อมาก็ส่ง Files จากเครื่องคอมพิวเตอร์สีเขียวกับสีเหลืองไปยัง Files;netseal.jpg indax.html เหมือนเดิมแล้วจะส่งกลับไปยังที่เดิมเป็น Files;netseal.jpgเหมือนเดิม

ข้อ:30.Ad-Hoc Network แตกต่างจากเครือข่ายไร้สายบริหาร Ad-Hoc Network เป็นเครือข่ายไร้สายที่ไม่ต้องการจุดเชื่อมในการจัดการการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ของ คอมพิวเตอร์แต่ละใน Ad-Hoc Network สามารถส่งข้อมูลระหว่างคู่อื่นๆคอมพิวเตอร์ (คือสามารถกระทำ เช่น เราเตอร์) คอมพิวเตอร์ที่สามารถเข้าร่วมและออกจากการ Ad-Hoc Network แบบไดนามิก ดังนั้นเส้นทางในการส่งข้อมูลจากผู้ส่งที่จะรับพิจารณาตามการเชื่อมต่อเครือข่าย ความล้มเหลวหรือออกของเครื่องคอมพิวเตอร์ตามเส้นทางดังกล่าวจะทำให้อัตโนมัติ rerouting ข้อมูล ดังนั้น Ad-Hoc Network มีภูมิคุ้มกันต่อจุดเดียวของความล้มเหลวต่างจากความล้มเหลวของจุดเชื่อมในเครือข่ายไร้สาย

สรุป TCP Multiplexing

ระบบ TCP multiplexing ช่วย เพิ่ม ประสิทธิภาพ ของ เซิร์ฟเวอร์ หรือ บริการ อินเทอร์เน็ตโดยทำ หน้าที่เป็นตัวต่อ เซิร์ฟเวอร์ แคช และ เครือ ข่าย การ จัด ส่ง

สรุป TCP Connections

TCP จะใช้หลักการของ three-way hanshake เพื่อทำการสร้าง connection ขึ้นโดย Client จะทำการส่ง SYN ไปให้ server เพื่อขอสร้าง connection Server จะทำการ replies มาด้วยการส่ง SYN-ACK และ Client จะทำการส่ง ACK กลับไปหา server จากนั้นทั้ง client และ server จะมี connection เกิดขึ้นแล้ว

คำสั่ง DOS

1. คำสั่ง Ping คือ คำสั่งที่ใช้ในการทดสอบสถานการณ์เชื่อมต่อระบบเครือข่ายว่าขณะนั้นคุณสามารถเชื่อมต่อกับเป้าหมายปลายทางได้หรือไม่ คำว่า “ เป้าหมายปลายทาง “ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เครือข่ายที่สามารถกำหนดหมายเลข IP Address ได้ , ชื่อของเครื่องหรืออุปกรณ์ในระบบเครือข่าย , ชื่อของเว็บไซต์ เป็นต้น รูปแบบของคำสั่งใช้งานได้ตามตัวอย่าง คือ
ตัวอย่างที่ 1
Ping 10.20.1.118 or Ping www.google.com

2. TCP/IP: TCP ย่อมาจาก Transmission Control Protocol เป็นโพรโตคอลที่ทำงานโดยอาศัย IP ในขณะที่ IP เป็นตัวจัดการให้เครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องสามารถติดต่อสื่อสารกันไปมาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และทำหน้าที่ในการอนุญาตให้ Application แต่ละชนิด (หรือที่นิยมเรียกว่า "บริการ") ของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถติดต่อกันได้

3.คำสั่ง ipconfig เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับเรียกดูหมายเลข IP Address ของเครื่องที่ท่านใช้งานอยู่ ซึ่งถ้าหากท่านไม่ทราบว่าหมายเลข IP Address ของเครื่องที่ท่านใช้งานอยู่นั้นเป็นหมายเลขอะไรหรือมีรายละเอียดอะไรที่เกี่ยวข้องกับหมายเลข IP Address สามารถใช้คำสั่งนี้เรียกดูผ่านหน้าต่าง Command Prompt และเมื่อมีการเติม /all เข้าไปคำสั่ง ipconfig/all จึงเป็นคำสั่งที่ต้องการขอดูข้อมูลทั้งหมดของ Host Name,PrimaryDnsSuffix,Nodetype,IPRouting,WINSProxy,DNSSuffixSearchList,PhysicslAddress,Dhcp,Autoconfiguration,IPAddress,Subnet Mask,Gateway,DHCP Server,DNS Servers,Primary WINS Servers, Lease Obtained และ Lease Expires ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราทำการใช้งานอยู่ในขณะนั้น

4. คำสั่ง tracert คือคำสั่งที่ใช้ในการดูเส้นทางการเดินของข้อมูลระหว่าง hop ต่างๆ ตั้งแต่ต้นทาง ไปถึงปลายทาง สรุปคือ คำสั่ง Tracert เป็นคำสั่งที่จะช่วยให้เราสามารถดูรายละเอียดเส้นทางการเชื่อมต่อของ Router ไปยังจุดหมายปลายทาง โดยใช้คำสั่ง Tracert เพื่อประเมินว่า Router หรือการเชื่อมต่อบนเส้นทางที่ทอดสู่คอมพิวเตอร์ปลายทางนั้น เกิดปัญหาติดขัดหรือไม่
5. คำสั่งOptions:-t Ping ไปยัง Host ตามที่ระบุเรื่อยๆ จนกว่าจะสั่งยกเลิกโดยกดแป้น Ctrl-C.และหากต้องการดูสถิติให้กดแป้น Ctrl-Break-a เปลี่ยนหมายเลข IP Address ของ Host เป็นชื่อแบบตัวอักษร-n count Ping แบบระบุจำนวน echo ที่จะส่ง-l size กำหนดขนาด buffer-f ตั้งค่าไม่ให้แยก flag ใน packet.-i TTL Ping แบบกำหนด Time To Live โดยกำหนดค่าตั้งแต่ 1-255-v TOS กำหนดประเภทของบริการ (Type of service)-r count Ping แบบให้มีการบันทึกเส้นทางและนับจำนวนครั้งในการ hops จนกว่าจะถึงปลายทาง-s count Ping แบบนับเวลาในการ hop แต่ละครั้ง-j host-list Loose source route along host-list.-k host-list Strict source route along host-list.-w timeout Ping แบบกำหนดเวลารอคอยการตอบรับ

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สรุป IP Subnets

IP Subnets คือพารามิเตอร์ (Parameter) ตัวหนึ่งที่ต้องระบุควบคู่กับหมายเลข IP Address เมื่อมีการรับส่งข้อมูลกันบนเครือข่ายเพื่อทำหน้าที่ช่วยแยกแยะส่วนที่เป็น IP Address กับส่วนที่เป็น Network Address และส่วนใดเป็น Host Address ดังนั้น เมื่อมีการรับส่งข้อมูลจึงต้องมีการระบุ IP Address ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ และระบุ Subnet mask ลงไปด้วยทุกครั้ง โดย Subnet Mask จะประกอบด้วยตัวเลข 4 ตัว ที่คั่นด้วยจุด เช่น 255.255.255.0 วิธีการที่จะบอกว่าคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องอยู่ในเครือข่ายวงเดียวกัน ( คืออยู่ใน subnet เดียวกัน) หรือเปล่า สามารถทำได้โดยเอา Network Mask มา AND กับ IP Address ถ้าได้ค่าตรงกัน แสดงว่าอยู่ใน subnet เดียวกัน ถ้าได้ค่าไม่ตรงกัน ก็แสดงว่าอยู่คนละ subnet

สรุป Routing and Forwarding

Routing and Forwarding คือโปรโตคอลที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน routing table ระหว่างอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆที่ทำงานในระดับ Network Layer (Layer 3) ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์ Router จะสามารถทำให้อุปกรณ์เครือข่ายเหล่านี้สามารถรับส่งข้อมูล IP packet ไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทางได้อย่างถูกต้อง

สรุป Dynamic Host Configuration Protocol (DHCP)

Dynamic Host Configuration Protocol (DHCP)จะเป็นตัวจ่าย IP ให้แก่เครื่องลูก clients โดยอัตโนมัติ สำหรับ Network ที่มีเครื่องลูกหลายเครื่อง การกำหนด IP ให้แต่ละเครื่องบางครั้งก็ยากในการจดจำ เพราะต้องมีการค้นหารหัส IP ใหม่ไม่ให้ซ้ำกับรหัสเดิม DHCP Server จะทำหน้าที่ค้นหารหัส IP ของเครื่องลูกข่ายแล้วจึงจะส่งมายัง DHCP Server และ DHCP Server ก็จะทำการกำหนดรหัส IP ใหม่ไปให้กับเครื่องลูกข่ายซึ่งจะทำให้รหัสที่ใช้กันภายในเครือข่ายจะได้ไม่ซ้ำกับเครื่องลูกข่ายอื่นๆ

สรุป The Address Resolution Protocol

The Address Resolution Protocol (ARP)คือโปรโตคอลที่ค่อยเป็นตัวกลางในการสื่อสารการจับคู่ระหว่าง IP address กับตำแหน่งของอุปกรณ์ในเครือข่าย โดยการระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ จะทำโดยการจำ รหัสของ MAC address (MAC address คือหมายเลขเฉพาะที่ใช้อ้างถึงอุปกรณ์ที่ต่อกับเครือข่าย ซึ่งจะมีมาพร้อมกับตัวการ์ดแลน

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สรุป The Address Resolution Protocol

คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายแต่ละจุดจะกำหนดที่อยู่ IP เฉพาะสายที่อยู่จะไม่ซ้ำกันสำหรับทุก เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์ ใน อินเทอร์เน็ตหรือในระบบเครือข่าย และการรับส่งข้อมูลจะทำการส่งโดยการระบุ IP ที่อยู่ของเครื่องปลายทางเพื่อทำการส่งข้อมูลไปให้ และสำหรับเครื่องที่รหัส IP ไม่ตรงก็จะไม่รับข้ออมูลที่ได้ทำการส่งไป แต่ถ้าเครื่องที่ส่งไปมีรหัส IP ตรงตามที่ได้ป้อนเข้าไปก็จะทำการรับข้อมูลทันทีที่มีข้อมูลเข้ามา เสร็จแล้วก็จะทำการส่งข้อมูลกลับมายังเครื่องที่ส่งข้อมูลไปเพื่อให้ทราบว่าข้อมูลที่ได้ส่งไปถูกต้องและได้ส่งไปถึงเรียบร้อยแล้ว

สรุป Adding Switches

เมื่อผู้ใช้ต้องการที่จะเพิ่ม Server เข้าไปในระบบเครือข่ายเพิ่มอีก 1 ตัว ผู้ใช้นั้นจะต้องทำการเพิ่ม Switch เข้าไปด้วย เพื่อใช้ในการเพิ่มเส้นทางในการรับส่งข้อมูล

สรุป Switched Network With Server

ข้อดีของข้อนี้คือการที่ได้เพิ่มเครื่อง Server เข้ามาช่วยในการบันทึกข้อมูลทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้นทำการใช้งานยือยุ่นมากขึ้นไปด้วยและในการใช้งานเมื่อผู้ใช้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเสร็จแล้วผู้ใช้กลับมาใช้งานในเครื่องเก่าก็ได้หรือผู้ใช้จากไปใช้งานเครื่องอื่นก็ได้ผู้ใช้จะสามารถเรียกข้อมูลเดิมกลับมาใช้ได้ทันทีแต่เครื่องอื่นที่ได้กล่าวมานี้ต้องเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ภายในเครือข่ายเดียวกันเท่านั้นจึงจะใช้งานข้อมูลได้

สรุป Switched Network With No server

การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบนี้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและใช้งานเครื่องพิมพ์ร่วนกันได้อย่างยือหยุ่นและมีประสิทธิภาพ การเชื่อมต่อแบบนี้เมื่อผู้ใช้ใช้งานเสร็จแล้วข้อมูลจะถูกบันทึกไว้ภายในฮารดดิสก์ของ

เครื่องเพราะการเชื่อมต่อแบบนี้ไม่ได้ใช้เครื่อง Server มาช่วยในการบันทึกข้อมูลแทนเครื่องของเรา และเมื่อผู้ใช้จะกลับไปใช้งานของตนเองจะต้องกลับไปใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดิมเท่านั้นเพราะข้อมูลได้ถูกบันทึกไว้ที่เครื่องนั้นเครื่องเดียว จะไม่สามารถไปใช้งานที่เครื่องอื่นได้เพราะเครื่องอื่นจะไม่มองไม่เห็นข้อมูลของเครื่องเราจึงไม่สามารถใช้งานเครื่องอื่นๆได้

สรุป No Network

ถ้าไม่ได้ทำการเชื่อมต่อเครือข่ายเข้าด้วยกันจะทำให้การรับส่งข้อมูลทำได้ยาก และการที่ผู้ใช้จะทำการแลกเปลี่ยนข้อมูล หรือทรัพยากร การใช้ทรัพยากรก็จะทำได้ยากและช้ากว่าระบบที่มีการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สรุป Animation

2. HUB ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ Hub ในการส่งข้อมูลจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยใช้หลักในการจำที่อยู่ของ address เครื่องต้นทางกับเครื่องปลายทาง และ Hub ยังเป็น อุปกรณ์ทีใช้เป็นจุดศูนย์กลางในการกระจายสัญญาณ เมื่อเครื่องหนึ่งต้องการส่งสัญญาณไปอีกเครื่องหนึ่ง ตัว hub จะทำหน้าที่ส่งออกไปให้กับทุกเครื่องเครือข่ายหรือเครื่องปลายทาง ถ้าเครื่องปลายทางตรงกับ address ที่ส่งไป เครื่องที่ปลายทางก็จะรับข้อมูลไป แต่ถ้าเครื่องที่ปลายทาง address ไม่ตรงกับ address ที่ได้ส่งมาก็จะไม่รับข้อมูลที่ได้ทำการส่งไป การส่งข้อมูลของ Hub จึงทำได้ช้า

3. Switch: ก็เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ขยายสัญญาณเหมือนกับ Hub แต่ Switch จะแตกต่างไปจาก Hub ก็คือ Switch จะมีการแยก Collision Domain ของพอร์ตเชื่อมต่อออกจากกัน Hub จะกระจายสัญญาณไปที่ทูกๆพอร์ตแต่ Switch นั้นจะเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเข้ากับพอร์ตๆหนึ่งเท่านั้น โดยที่ Switch จะทำการบันทึก Address ของเครื่องเอาไว้ในการติดต่อกันในครั้งแรก ในการกระจายสัญญาณครั้งต่อไป Switch จะรู้ทันทีว่าสัญญาณที่รับมานั้นต้องส่งไปยังพอร์ตใดๆ ซึ่งเป็นข้อเด่นของ Switch ที่ทำการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วกว่า Hub